
สรุปข่าว
ปี 2024 เป็นปีแห่งการเลือกตั้งที่แท้จริง เพราะประชากรเกือบครึ่งโลก มีสิทธิ์ออกเสียงเพื่อเลือกผู้แทน และผู้นำของเขา
6-9 มิถุนายน ก็ถึงคราวพลเมืองของสหภาพยุโรป หรืออียู ที่ได้ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกสมาชิกรัฐสภายุโรป
ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่ออกมา สะท้อนเจตจำนงของชาวยุโรป ในสภาวการณ์โลกในปัจจุบันได้ดี เมื่อกลุ่ม “กลาง-ขวา” หรือคนมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ได้ที่นั่งในรัฐสภายุโรปมากขึ้น ที่ราว 184 ที่นั่ง จากที่นั่งในสภายุโรป 720 ที่นั่ง ขณะที่กลุ่มกรีน และสายเสรีนิยม กลับเจอกับความยากลำบากในการรักษาที่นั่งเอาไว้ได้ – นั่นจะทำให้พรรคการเมืองกระแสหลักยากที่จะจัดตั้งเสียงข้างมากในการผ่านกฎหมายใด ๆ ได้
และผลการเลือกตั้ง ถึงขั้นทำให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ต้องประกาศยุบสภาทันที และเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ รอบแรก 30 มิถุนายน และ รอบ 2 วันที่ 7 กรกฎาคม
จากผลเช่นนี้ ทำให้คาดว่า พรรคการเมืองที่มีแนวทางสายขวา หรืออนุรักษ์นิยม ได้รับคาดการณ์ว่าจะชนะที่นั่งในสภาด้วยตัวเลขมากเป็นประวัติการณ์ และนั่นก็อาจมีผลต่อการเมืองของอียู และนำมาสู่ทิศทางที่ไม่แน่นอนในอนาคตของยุโรปได้ด้วย
ผลเลือกตั้ง
รัฐสภายุโรปมีหน้าที่ตัดสินใจร่วมกับคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นเวทีประชุมของผู้นำชาติสมาชิกอียู 27 ประเทศ มีประชากรรวมกัน 450 ล้านคน ผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพล ชี้ว่า พรรคการเมืองสายกลางขวา สายกลางซ้าย สายเสรีนิยม และสายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือพรรคกรีน จะยังสามารถครองเสียงข้างมาก 460 ที่นั่งจากทั้งหมด 720 ที่นั่ง แต่ลดลงจากการเลือกตั้งปี 2019 ที่ได้รวมกัน 488 ที่นั่งจากทั้งหมด 705 ที่นั่ง โดยเฉพาะพรรคกรีนที่จะลดลงจาก 71 ที่นั่งเหลือ 53 ที่นั่ง ขณะที่ ECR ซึ่งเป็นกลุ่มพรรคการเมืองชาตินิยมที่ไม่สนับสนุนยุโรปและพรรคการเมืองขวาจัด ได้ที่นั่งรวมกัน 146 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 19 ที่นั่ง ส่วนสมาชิกสภาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้ 95 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 33 ที่นั่ง
ผู้ชนะในศึกนี้
- - เออร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนับเป็นประมุขฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป – พรรค European People’s Party (EP+P) สายกลาง-ขวา (center-right)
กล่าวในสุนทรพจน์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ผลที่ออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า พรรค European People’s Party (EPP) คาดว่าจะได้ที่นั่งมากที่สุดในสภา – และยังสามารถทอดสมอได้อย่างมีเสถียรภาพ แต่ก็ยังเรียกร้องให้พันธมิตรการเมืองของเธอช่วยกับปกป้องพรรคการเมืองที่เป็นสายสุดโต่ง – ซึ่งเธอคาดว่า สายสังคมนิยม+เสรีนิยม+กลาง-ขวา ของเธอ จะจัดตั้งพันธมิตรได้ถึง 407 ที่นั่งในสภา
ซึ่งพรรค EPP ชนะทั้งในเยอรมนี, สเปน, โปแลนด์, บัลแกเรีย, สโลเวเนีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, ไซปรัส, ลัตเวีย, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, โครเอเชีย และกรีซ
- - จอร์เจีย เมโลนี – นายกรัฐมนตรีอิตาลี
ผู้นำสายขวาของอิตาลี ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งในอิตาลี และทำได้ดีเหนือคู่แข่งอย่างมาก นั่นทำให้เธอ เคียงคู่ไปกับโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ หนึ่งในผู้นำไม่กี่คนของอียูที่กลับบ้านพร้อมชัยชนะ – และเธอคนนี้ได้ส่วนแบ่งคะแนนเสียงที่ดีขึ้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2022
- - กลุ่มอนุรักษ์นิยม (The Far Right)
พรรค National Rally ซึ่งเป็นสายขวาจัด ของนาง มารีน เลอ เปน แห่งฝรั่งเศส สามารถคว้าชัยครั้งใหญ่ในค่ำคืนที่ผ่านมาได้ และมีผลงานที่ดี จนถึงขั้นทำให้ เอ็มมานูเอล มาครง ต้องประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เลยทีเดียว
อีกทั้งพรรคการเมืองสายขวา ก็ยังมาเป็นที่ 1 ในออสเตรีย, เคียงคู่สูสีในเนเธอร์แลนด์ และมาเป็นลำดับที่ 2 ในเยอรมนีและโรมาเนีย
ผู้แพ้ในศึกนี้
- - เอ็มมานูเอล มาครง – ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
พรรคเรอเนซองส์ (Renaissance – RE) มาเป็นที่ 2 แบบทิ้งห่างพรรคของนางเลอ เปน พอสมควร โดยได้คะแนนไปเพียง 15.2% ขณะที่พรรคของเลอ เปน ได้ไปถึง 31.5%
มาครงกล่าวยอมรับว่า ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งสภายุโรปครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเขา และรัฐบาลของเขา ทำให้เพิกเฉยไม่ได้
ปัจจุบันพรรค RE ของมาครง มีส.ส. 169 คน จาก 577 คน / ส่วนพรรค RN มี 88 คน – ซึ่งหาพรรคของมาครงพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ เขาจะสูญเสียอำนาจในการกำหนดวาระในประเทศ ตั้งแต่นโยบายเศรษฐกิจ ถึง ความมั่นคง
- - โอลาฟ โชลส์ – นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
พรรค Social Democrats (SPD) ของโอลาฟ โชลส์ ได้คะแนนเพียง 14% ถูกพรรคกลาง-ขวา อย่าง Christian Democrats และ พรรคขวาจัด Alternative for Germany แย่งคะแนนไปมาก และนับว่าเป็นผลการเลือกตั้งแห่งชาติที่เลวร้ายที่สุดของพรรคแล้ว – และตอนนี้เขากำลังเจอแรงกดดันจากฝ่ายกลาง-ขวา ให้ทำเหมือนที่มาครงทำ
- - วิคเตอร์ ออร์บาน – นายกรัฐมนตรีสายชาตินิยมฮังการี
ทำผลงานได้แย่กว่าที่คาดไว้ และแม้ว่าพรรค Fidesz ของเขาจะได้คะแนนเสียงถึง 43.8% แต่ก็ถือว่าแย่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาได้ในการเลือกตั้งรัฐสภาของยุโรป
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อฝ่ายขวาครองยุโรป?
- - นโยบายสีเขียว.. ลดลง
อียู พยายามที่จะก้าวนำหน้าส่วนอื่น ๆ ของโลกในด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด แต่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงกลับมีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับ “ต้นทุน” ของการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียว - อย่างกรณีที่มีการประท้วงของชาวนาทั่วยุโรปจำนวนมากนั้น รถแทรกเตอร์หลายพันคันไปจอดที่บรัสเซลส์ และรัฐสภายุโรป ซึ่งผู้ประท้วงกล่าวว่า กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานต่าง ๆ กำลังทำให้ธุรกิจของพวกเขาย่ำแย่ลง
ทำให้กลุ่มชาตินิยมสายขวา ในฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์ เข้าจับประเด็นเรื่องนี้ทันที
ซึ่งนั่นอาจทำให้ยุโรปยกเลิก หรือระงับกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญหลายข้อ รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง - ซึ่งนักสิ่งแวดล้อมกังวลว่า การเข้ามาของกลุ่มสายขวา อาจทำให้ไปถึงเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมช้าลง
- - ขอลี้ภัย.. ยากขึ้น
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของอียู คือเรื่องผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ที่คาราคาซังมายาวนาน และประเด็นนี้เองทำให้ เกิร์ต ไวล์เดรอ์ส ฝ่าย “ขวาจัด” ในเนเธอร์แลนด์ และพรรค PVV ของเขา กลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในรัฐสภาดัตช์ หลังการเลือกตั้งแห่งชาติ และเขาตั้งมั่นว่าจะออกกฎหมายที่เข้มงวดที่สุดต่อผู้อพยพ
แต่เรื่องนี้เองก็อาจเป็นข้อถกเถียงต่อไปเช่นกัน เพราะตามหลักการแล้ว แต่ละชาติของอียู ควรต้องรับโควต้าผู้ลี้ภัยตามสัดส่วน หรืออย่างน้อยก็ “จ่ายเงิน” สนับสนุนให้กับประเทศที่เป็นต้นทาง เช่น อิตาลี และกรีซ ที่มีผู้อพยพเข้าเป็นจำนวนมาก .. แต่บรรดาสมาชิกรัฐสภายุโรปฝ่ายชาตินิยมสุดโต่ง ปฏิเสธที่จะจ่าย เช่น รัฐบาลชาตินิยมในฮังการี และโปแลนด์
- - อียู.. จะมีบทบาทน้อยลง
ผู้มีสิทธิ์โหวตส่วนใหญ่บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการออกจากอียู ซึ่งฝ่ายขวาให้คำมั่นว่าจะทำให้อียูเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการทำให้ “บรัสเซลส์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันน้อยลง”
ซึ่งเมื่อฝ่ายขวามีเสียงมากขึ้นในสภายุโรป ก็อาจทำให้คณะกรรมาธิการยุโรป ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ได้ยากขึ้น
- - การช่วยเหลือยูเครน.. น้อยลง
แน่นอนว่าฝ่ายชาตินิยม จะมีความกระตือรือร้นในเรื่องนี้ที่น้อยกว่า เพราะพวกเขากลัวงบประมาณจะบานปลาย ทำให้อาจออกงบช่วยเหลือให้ยูเครนได้น้อยลง และยากขึ้นด้วย
- “วีโต้” คืออะไร? เจาะความหมายอำนาจยับยั้งที่เหนือเสียงข้างมาก?
- “ทรัมป์”เปลี่ยนใจเลื่อนขึ้นภาษีอียู 50% ให้เวลาถึง 9 ก.ค.68
- อียูตอบกลับทรัมป์เรื่องภาษี 50% ยืนยันตั้งใจบรรลุข้อตกลงการค้า
- สตาร์บัคส์เกาหลีใต้ห้ามใช้ชื่อผู้ชิงประธานาธิบดีสั่งกาแฟ เพื่อรักษาความเป็นกลาง
- ทำไมชาติตะวันตกเปลี่ยนใจ กดดันอิสราเอลให้ยุติสงครามในกาซา
- นักท่องเที่ยวจีนลดหนัก แต่นักท่องเที่ยวชาติยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ดีกับไทยไหม
- นักท่องเที่ยวจีนหาย 550,000 แต่ได้นักท่องเที่ยวยุโรปมาแทน 740,000 แทน สู่ยุคทองท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand