สรุปข่าว
วันนี้ (1 ต.ค.62) ประเทศสาธารณรัฐจีน จะจัดพิธีสวนสนามของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีเฉลิมฉลอง 70 ปี การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลปักกิ่งก็ให้คำมั่นว่าจะแสดงแสนยานุภาพ นำอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ที่ผลิตเอง ออกมาโชว์สู่สายตาชาวโลก โดยจะมีการจัดพิธีสวนสนามของกองทัพขึ้นที่ลานจัตุรัสเทียนอันเหมิน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเจ้าหน้าที่ทูตทหาร 188 คน จาก 97 ประเทศ
กระทรวงป้องกันชาติของจีน รายงานว่า จะมีทหาร 15,000 นายเข้าร่วมในพิธีสวนสนามครั้งนี้ ซึ่งรวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายชนิด เคลื่อนออกสู่ถนน และมีเครื่องบิน 160 ลำ บินวนอยู่เหนือศีรษะด้วย โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า จีนไม่ได้มีเจตนาหรือต้องการ “อวดเบ่ง” ด้วยการแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้ แต่จุดประสงค์คือแสดง “ความรักสันติภาพและความรับผิดชอบของจีน”
นอกจากนี้ ในหลายเมืองทั่วประเทศ ต่างพากันประดับประดาด้วยไฟและจัดงานรื่นเริง และประดับธงชาติจีน และซุ้มดอกไม้สีสันสวยงามเพื่อต้อนรับวันชาติที่จะมีขึ้นในวันอังคาร โดยในเมืองซีอาน เมืองเอกของมณฑลชานซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ก็ประดับไฟสวยงาม กว่า 3 แสนดวงตามตึกสูงต่าง ๆ ทำให้ค่ำคืนในจีนสว่างไสวด้วยแสงสี จากวันที่ 28 กันยายน จนถึง 7 ตุลาคม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี และสำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน รายงาน ความความเคลื่อนไหวของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ว่า ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเคารพศพ “ประธานเหมา เจ๋อตุง” ที่อนุสรณ์สถานกลางจัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยโค้งคำนับสามครั้งต่อหน้าศพ ประธานเหมา ที่ได้รับการรักษาอย่างดีในโลงแก้ว หลังจากที่มาเคารพครั้งหลังสุดในวันรำลึก 120 ปีชาติกาลเหมา เจ๋อตุง เมื่อเดือนธันวาคม 2556 จากนั้นได้เข้าร่วมพิธีวางพวงหรีดที่อนุสาวรีย์วีรบุรุษที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีสีในพิธีนี้ว่า ประเทศที่มีความหวังจะต้องมีวีรบุรุษและประเทศที่มีอนาคตอันสดใสจะต้องมีผู้บุกเบิก
ด้าน สภารัฐกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งก็คือคณะรัฐบาลจีน ได้เผยแพร่สมุดปกขาวฉบับพิเศษ เนื่องในวาระวันชาติจีนในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 70 แห่งการสถาปนา "จีนใหม่" มีสาระสำคัญว่า จีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยประชากรจำนวนมหาศาลจากหลากหลายชาติพันธุ์ การบริหารจัดการคนหมู่มากเช่นนี้จึงต้องเต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมาย แต่ความยากลำบากหรืออุปสรรคในการรักษาหลักธรรมาภิบาลของจีน "แทบไม่เคยเป็นที่ปรากฏ" เพราะรากฐานของคณะผู้ปกครองสูงสุดที่แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียว
ทั้งนี้ โครงสร้างและกลยุทธ์การบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลชัดเจน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขึ้นสู่อำนาจ เมื่อเดือน พ.ย. 2555 ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปกองทัพ "แต่ไม่รุกรานใคร" เนื่องจากจีน "มีประสบการณ์" จากการถูกคุกคามอย่างมากในอดีตโดยชาติมหาอำนาจ
นอกจากนี้ เนื้อหาของสมุดปกขาว ยังกล่าวถึง สงครามการค้ากับสหรัฐว่า จีนสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เพื่อเปิดประตูโลกให้กว้าง จีนไม่เคยมีเจตนาท้าทายสหรัฐและไม่ต้องการช่วงชิงอิทธิพลกับรัฐบาลวอชิงตัน แต่สหรัฐ "จะไม่มีทางควบคุมและหยุดยั้งการพัฒนา" ของจีนได้
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -