ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดตัวเหรียญมีม $Trump สะเทือนตลาดการเงินด้วยมูลค่าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับหลายพันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบีบีซี (BBC) รายงานว่า การเปิดตัวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเตรียมตัวรับตำแหน่งปธน.คนที่ 47 ของสหรัฐฯ
สินทรัพย์ดังกล่าวถือครองร่วมกันโดยบริษัทซีไอซี ดิจิทัล (CIC Digital LLC) และบริษัทไฟต์ ไฟต์ ไฟต์ (Fight Fight Fight LLC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน (Trump Organization) ที่เคยจำหน่ายรองเท้าและน้ำหอมแบรนด์ของทรัมป์
สรุปข่าว
ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดตัวเหรียญมีม $Trump สะเทือนตลาดการเงินด้วยมูลค่าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับหลายพันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบีบีซี (BBC) รายงานว่า การเปิดตัวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเตรียมตัวรับตำแหน่งปธน.คนที่ 47 ของสหรัฐฯ
สินทรัพย์ดังกล่าวถือครองร่วมกันโดยบริษัทซีไอซี ดิจิทัล (CIC Digital LLC) และบริษัทไฟต์ ไฟต์ ไฟต์ (Fight Fight Fight LLC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน (Trump Organization) ที่เคยจำหน่ายรองเท้าและน้ำหอมแบรนด์ของทรัมป์
เว็บไซต์ CoinMarketCap.com รายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเสาร์ (18 ม.ค.) หลังจากที่เหรียญเปิดตัวได้ไม่นาน มูลค่าของ $Trump ก็พุ่งไปแตะที่เกือบ 5.5 พันล้านดอลลาร์
ทรัมป์ระบุผ่านทรูธ โซเชียลของเขาตอนประกาศเปิดตัวในคืนวันศุกร์ (17 ม.ค.) ว่า "เหรียญมีมทรัมป์อย่างเป็นทางการพร้อมแล้ว! ถึงเวลาเฉลิมฉลองในสิ่งที่เรายืนหยัดเพื่อมัน นั่นคือ ชัยชนะ!"
ทั้งนี้ เหรียญมีม หรือ มีมคอยน์ ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความนิยมให้กับกระแสหรือความเคลื่อนไหวที่แพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต แต่ตัวเหรียญไม่มีมูลค่าในตัวเองและถือเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนอย่างมาก
- ทรัมป์ถอน “จาเร็ด ไอแซกแมน” เพื่อนอีลอน มัสก์ ออกจากการเสนอชื่อเป็นผู้บริหารองค์การนาซาคนใหม่
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- วิกฤตหนี้สหรัฐฯ "36 ล้านล้านเหรียญ" ที่ "ทรัมป์" ต้องแบกหลังแอ่น
- ภาษีทรัมป์ยังมีผลบังคับใช้ หลังศาลอุทธรณ์ไม่สั่งระงับการขึ้นภาษี
- รัฐบาลทรัมป์ออกคำสั่งให้ระงับสัมภาษณ์ “วีซ่านักเรียนใหม่” มันหมายความว่าอย่างไร และ จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : Donald J. Trump
TNNThailand