
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามบันทึกคำสั่งประธานาธิบดีวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) สั่งการและมอบหมายภารกิจให้แก่ทีมเศรษฐกิจของเขา ไปจัดทำแผนเก็บ "ภาษีศุลากากรตอบโต้" (reciprocal tariffs) คือการเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศไม่ว่ามิตรหรือศัตรูของสหรัฐฯ ที่เก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าของสหรัฐฯ ให้เริ่มคำนวณอัตราภาษีที่จะเก็บจากประเทศเหล่านั้น ให้เท่าเทียมกับอัตราภาษีที่ประเทศเหล่านั้นเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และให้วางแผนโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปภาษีด้วย คำสั่งล่าสุดของทรัมป์นี้ ยิ่งเพิ่มความหวั่นกลัวและโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม บันทึกคำสั่งประธานาธิบดีดังกล่าว ยังไม่ถึงขั้นคำสั่งให้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) อย่างที่ทรัมป์ได้เกริ่นนำขู่มานานหลายวันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่นับเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการเตรียมการที่จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เท่านั้น
คาดว่า ทีมเศรษฐกิจของทรัมป์ต้องใช้เวลาจัดทำแผนอีกนานหลายสัปดาห์หรืออาจจะนานหลายเดือน เนื่องจากจะต้องตรวจสอบอัตราภาษีที่ประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศคู่ค้าและประเทศศัตรู ได้จัดเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เสียก่อน จึงจะสามารถคำนวณอัตราภาษีที่เท่าเทียมกันเพื่อตอบโต้ได้
การที่ทรัมป์เพียงสั่งให้เริ่มจัดทำแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ยังไม่ถึงขั้นเริ่มเก็บภาษีนั้น ได้สร้างความโล่งอกให้แก่วอลล์สตรีท หรือตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ วอลล์สตรีทกังวลว่า การเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ จะดันให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น และจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก
ทรัมป์เองก็ยอมรับว่า ราคาสินค้าในสหรัฐฯ อาจสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของเขา แต่ทรัมป์ระบุว่า ราคาจะสูงขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
ทรัมป์กล่าวหลังการลงนามบันทึกคำสั่งวานนี้ด้วยว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขา คือการปรับ "สนามแข่ง" ให้มีความยุติธรรม อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขานั้นจะต้องสมน้ำสมเนื้อกับอัตราภาษีที่สูง ที่ประเทศอื่น ๆ เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และภาษีศุลากรเพื่อตอบโต้ของเขานั้น ยังมีจุดประสงค์เพื่อโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปของภาษีด้วย อย่างเช่นกฎระเบียบที่ยุ่งยาก , ภาษีมูลค่าเพิ่ม , การอุดหนุนจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ที่กลายเป็นอุปสรรคทางการค้าต่อการไหลเข้าของสินค้าจากสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ
สรุปข่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามบันทึกคำสั่งประธานาธิบดีวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) สั่งการและมอบหมายภารกิจให้แก่ทีมเศรษฐกิจของเขา ไปจัดทำแผนเก็บ "ภาษีศุลากากรตอบโต้" (reciprocal tariffs) คือการเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศไม่ว่ามิตรหรือศัตรูของสหรัฐฯ ที่เก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าของสหรัฐฯ ให้เริ่มคำนวณอัตราภาษีที่จะเก็บจากประเทศเหล่านั้น ให้เท่าเทียมกับอัตราภาษีที่ประเทศเหล่านั้นเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และให้วางแผนโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปภาษีด้วย คำสั่งล่าสุดของทรัมป์นี้ ยิ่งเพิ่มความหวั่นกลัวและโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม บันทึกคำสั่งประธานาธิบดีดังกล่าว ยังไม่ถึงขั้นคำสั่งให้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) อย่างที่ทรัมป์ได้เกริ่นนำขู่มานานหลายวันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่นับเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการเตรียมการที่จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เท่านั้น
คาดว่า ทีมเศรษฐกิจของทรัมป์ต้องใช้เวลาจัดทำแผนอีกนานหลายสัปดาห์หรืออาจจะนานหลายเดือน เนื่องจากจะต้องตรวจสอบอัตราภาษีที่ประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศคู่ค้าและประเทศศัตรู ได้จัดเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เสียก่อน จึงจะสามารถคำนวณอัตราภาษีที่เท่าเทียมกันเพื่อตอบโต้ได้
การที่ทรัมป์เพียงสั่งให้เริ่มจัดทำแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ยังไม่ถึงขั้นเริ่มเก็บภาษีนั้น ได้สร้างความโล่งอกให้แก่วอลล์สตรีท หรือตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ วอลล์สตรีทกังวลว่า การเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ จะดันให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น และจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก
ทรัมป์เองก็ยอมรับว่า ราคาสินค้าในสหรัฐฯ อาจสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของเขา แต่ทรัมป์ระบุว่า ราคาจะสูงขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
ทรัมป์กล่าวหลังการลงนามบันทึกคำสั่งวานนี้ด้วยว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขา คือการปรับ "สนามแข่ง" ให้มีความยุติธรรม อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของเขานั้นจะต้องสมน้ำสมเนื้อกับอัตราภาษีที่สูง ที่ประเทศอื่น ๆ เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ และภาษีศุลากรเพื่อตอบโต้ของเขานั้น ยังมีจุดประสงค์เพื่อโต้กลับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อยู่ในรูปของภาษีด้วย อย่างเช่นกฎระเบียบที่ยุ่งยาก , ภาษีมูลค่าเพิ่ม , การอุดหนุนจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ที่กลายเป็นอุปสรรคทางการค้าต่อการไหลเข้าของสินค้าจากสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ
- รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องเอเชียเพิ่มงบประมาณกลาโหมรับมือความมั่นคงอินโด-แปซิฟิก
- ไบเดนปรากฏตัวครั้งแรกหลังป่วยมะเร็ง เผยเข้ารับการบำบัดแล้วกำลังใจดีเยี่ยม
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- วิกฤตหนี้สหรัฐฯ "36 ล้านล้านเหรียญ" ที่ "ทรัมป์" ต้องแบกหลังแอ่น
- ขุนคลังสหรัฐเผยเจรจา "สหรัฐฯ-จีน" สะดุด แนะผู้นำ 2 ชาติ "ทรัมป์-สี จิ้นผิง" โทรคุยตรง
ที่มาข้อมูล : ถังสคริปต์
ที่มารูปภาพ : Reuters
TNNThailand