
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธฺบดีสหรัฐฯ แถลงข่าวจากสวนกุหลาบ ที่ทำเนียบขาว เปิดเผยแผนการขึ้นภาษีครั้งใหญ่รอบใหม่ ที่เขาเรียกว่าวันนี้เป็น “วันปลดปล่อย” อเมริกาจากการถูกเอาเปรียบ ซึ่งมีหลายประเทศทั่วโลกที่ถูกขึ้นภาษีในครั้งนี้ โดยแต่ละประเทศถูกขึ้นภาษีในอัตราที่แตกต่างกันตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 49% รวมทั้งประเทศไทยที่ถูกขึ้นภาษีในอัตราที่สูงถึง 36%
ทรัมป์ได้เตรียมตารางรายชื่อประเทศที่ถูกขึ้นภาษีให้นักข่าวได้ดู โดยทรัมป์อธิบายว่า “หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศของเราถูกปล้น ถูกจี้ ถูกโกง จากประเทศที่อยู่ทั้งใกล้และไกล ประเทศที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู” สหรัฐฯ จึงตัดสินใจที่จะเก็บภาษีนำเข้า 34% จากจีน, 20% จากสหภาพยุโรป, 25% จากเกาหลีใต้, 24% จากญี่ปุ่น 26% จากอินเดีย และ 32% จากไต้หวัน (เขตเศรษฐกิจ) เพื่อตอบโต้ภาษีที่ประเทศเหล่านี้เก็บกับสินค้าของสหรัฐฯ
ในส่วนของประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ตั้งภาษีสูงถึง 36% เช่นเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกเก็บภาษีที่สูงในอันดับต้น ๆ เช่น เวียดนามที่ถูกเก็บภาษี 46%, กัมพูชา 49%, เมียนมา 44%, ลาว 48%, อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 24%, บรูไน 24% และสิงคโปร์ 10%
ในส่วนของประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะถูกขึ้นภาษีในอัตรา 10% เช่น อังกฤษ, บราซิล, ชิลี, ออสเตรเลีย, ตุรกี, โคลัมเบีย, เปรู, คอสตาริกา, โดมินิกัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, นิวซีแลนด์, อาร์เจนตินา, เอกวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย, เอลซัลวาดอร์, ตรินิแดดและโตเบโก, โมร็อกโก
สรุปข่าว
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธฺบดีสหรัฐฯ แถลงข่าวจากสวนกุหลาบ ที่ทำเนียบขาว เปิดเผยแผนการขึ้นภาษีครั้งใหญ่รอบใหม่ ที่เขาเรียกว่าวันนี้เป็น “วันปลดปล่อย” อเมริกาจากการถูกเอาเปรียบ ซึ่งมีหลายประเทศทั่วโลกที่ถูกขึ้นภาษีในครั้งนี้ โดยแต่ละประเทศถูกขึ้นภาษีในอัตราที่แตกต่างกันตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 49% รวมทั้งประเทศไทยที่ถูกขึ้นภาษีในอัตราที่สูงถึง 36%
ทรัมป์ได้เตรียมตารางรายชื่อประเทศที่ถูกขึ้นภาษีให้นักข่าวได้ดู โดยทรัมป์อธิบายว่า “หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศของเราถูกปล้น ถูกจี้ ถูกโกง จากประเทศที่อยู่ทั้งใกล้และไกล ประเทศที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู” สหรัฐฯ จึงตัดสินใจที่จะเก็บภาษีนำเข้า 34% จากจีน, 20% จากสหภาพยุโรป, 25% จากเกาหลีใต้, 24% จากญี่ปุ่น 26% จากอินเดีย และ 32% จากไต้หวัน (เขตเศรษฐกิจ) เพื่อตอบโต้ภาษีที่ประเทศเหล่านี้เก็บกับสินค้าของสหรัฐฯ
ในส่วนของประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ตั้งภาษีสูงถึง 36% เช่นเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกเก็บภาษีที่สูงในอันดับต้น ๆ เช่น เวียดนามที่ถูกเก็บภาษี 46%, กัมพูชา 49%, เมียนมา 44%, ลาว 48%, อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 24%, บรูไน 24% และสิงคโปร์ 10%
ในส่วนของประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะถูกขึ้นภาษีในอัตรา 10% เช่น อังกฤษ, บราซิล, ชิลี, ออสเตรเลีย, ตุรกี, โคลัมเบีย, เปรู, คอสตาริกา, โดมินิกัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, นิวซีแลนด์, อาร์เจนตินา, เอกวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย, เอลซัลวาดอร์, ตรินิแดดและโตเบโก, โมร็อกโก
ทรัมป์บอกว่าเขาถือว่าตัวเองนั้นใจดีแล้ว เพราะภาษีที่เขาขึ้นเพื่อตอบโต้เหล่านี้ คิดเป็นแค่ 50% ของภาษีที่ประเทศเหล่านี้เก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ซึ่งในตอนแรกทรัมป์มีแผนจะเก็บภาษีประเทศเหล่านี้ในอัตราที่เท่ากันกับที่ประเทศเหล่านี้เก็บจากสินค้าสหรัฐฯ แบบ 100%
ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเริ่มต้น “ยุคทอง” ให้กับอเมริกาและกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ จะต้อง “เจริญรุ่งเรือง” โดยทรัมป์จะเริ่มเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด 25% เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในวันที่ 5 เมษายนจะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด 10% และในวันที่ 9 เมษายน จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าแต่ละประเทศตามที่ประกาศเอาไว้
อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้สหรัฐฯ เจอภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น และจะเป็นการพลิกกลับการเปิดเสรีทางการค้าที่หล่อหลอมระเบียบโลกมาหลายทศวรรษ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการค้าโลก คาดว่าคู่ค้าทางการค้าของสหรัฐฯ จะตอบโต้ด้วยมาตรการตอบโต้ที่อาจส่งผลให้ราคาสินค้าทุกประเภทถีบสูงขึ้นอย่างมาก