
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศแผน “ยกเครื่องใหม่” ปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงต่างประเทศเมื่อวานนี้ (22 เมษายน) โดยในแผนดังกล่าวจะรวมไปถึงการปรับลดเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงต่างประเทศในพื้นที่สหรัฐฯ ลง 15 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงแผนการปิดสำนักงานต่าง ๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่อยู่ในต่างประเทศอีกราว 100 แห่งทั่วโลกด้วย โดยรูบิโอกล่าวว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หรือ “America First” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รูบิโอเผยว่า สหรัฐฯจะไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้ใดใดก็ตามที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ได้ด้วยระบบราชการที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ อีกทั้งยังทำให้การจัดสรรทรัพยากรและนวัตกรรมต่าง ๆ มีความยุ่งยากและเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง การปรับโครงสร้างใหม่ก็เพื่อรับมือความท้าทายในศตวรรษที่ 21โดยให้ความสำคัญกับสหรัฐฯ ก่อนเป็นอันดับแรก ในขณะที่ “แทมมี่ บรูซ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จะเป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ที่จะเสริมสร้างพลังให้กับนักการทูตที่มากด้วยความสามารถของสหรัฐฯ พร้อมยืนยันว่าการประกาศนี้จะไม่ส่งผลให้มีการเลิกจ้างบุคลากรในทันที

สรุปข่าว
แผนการปรับโครงสร้างกระทรวงต่างประเทศยังเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะปรับนโยบายเกี่ยวกับการต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่ โดยมุ่งเน้นที่กิจการต่างประเทศและมนุษยธรรมเพื่อประสานงานโครงการช่วยเหลือในต่างประเทศ ที่ยังคงอยู่ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงเป็นส่วนหนึ่งของการลดขนาดหน่วยงานของรัฐบาลกลางตามคำเรียกร้องของกระทรวงเสริมประสิทธิภาพรัฐบาลภายใต้การดูแลของทรัมป์และที่ปรึกษาคนสนิทอย่าง “อีลอน มัสก์”
สำนักข่าว AP รายงานว่า การปรับโครงสร้างของกระทรวงต่างประเทศครอบคลุมการปิดสำนักงานในสังกัดจากเดิม 734 แห่ง ให้เหลือ 602 แห่ง และยังมีการโอนย้ายสำนักงาน 137 แห่ง ให้ไปสังกัดหน่วยงานอื่น ด้วยเหตุผลว่าเป็นการ “เพิ่มประสิทธิภาพ” ในการทำงาน ขณะที่สื่อท้องถิ่นบางสำนักกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ แม้จะกระทบระบบราชการและบุคลากรของกระทรวง แต่กลับมีความรุนแรง “น้อยกว่า” ข่าวลือก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแผนปรับโครงสร้างองค์กรที่ถูกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าการดำเนินงานของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศต่าง ๆ จะรวมอยู่ในแผนปรับโครงสร้างใหม่ด้วยหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานเกี่ยวกับคำสั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ จำนวนมาก โดยเฉพาะสถานทูตในทวีปแอฟริกาที่สร้างความกังวลให้หลายฝ่ายที่ออกมาเตือนเกี่ยวกับการลดขีดความสามารถทางการทูตและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในต่างประเทศด้วย