
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกถอนสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ระบุว่า“ฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติรายใหม่ได้อีก และนักศึกษาต่างชาติที่มีอยู่ต้องหาทางโอนย้ายออก หรือไม่ก็สูญเสียสถานะทางกฎหมายในสหรัฐฯ”
นโยบายนี้มาจากคำสั่งของ คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งกล่าวหาฮาร์วาร์ดว่าไม่ยอมส่งมอบบันทึกพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติที่รัฐบาลร้องขอเมื่อเดือนที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่า ฮาร์วาร์ด “มีบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนชาวยิว สนับสนุนแนวคิดนิยมฮามาส และยังคงใช้นโยบายความหลากหลายที่เหยียดเชื้อชาติ”
การเพิกถอนสิทธิ์นี้หมายถึงการยุติการรับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงการคุ้มครองทางกฎหมายผ่านโครงการ SEVP หรือโครงการนักศึกษาผู้เยี่ยมชมและโครงการแลกเปลี่ยน(Student and Exchange Visitor Program) ซึ่งอาจกระทบถึงนักศึกษาต่างชาติประมาณ 27.2% ของนักศึกษาฮาร์วาร์ดทั้งหมดในปีการศึกษา 2024–2025 หรือกว่า 6,700 คน
ก่อนหน้านี้ ฮาร์วาร์ดและรัฐบาลทรัมป์มีข้อพิพาทเรื้อรังเรื่องนโยบายความหลากหลาย การคัดเลือกบุคลากร การแสดงออกทางการเมืองของนักเรียนเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล–ฮามาส โดยรัฐบาลได้เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนนโยบายด้าน DEI หรือนโยบายความแตกต่าง ความเท่าเทียม และความมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, Inclusion)

ด้านเจสัน นิวตัน โฆษกมหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า นี่เป็นการกระทำเชิงตอบโต้ที่ผิดกฎหมายและจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชุมชนฮาร์วาร์ดและประเทศชาติ
เขาย้ำว่า ฮาร์วาร์ดจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสถานะของนักศึกษาต่างชาติ และกำลังเร่งให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
สรุปข่าว
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกถอนสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ระบุว่า“ฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติรายใหม่ได้อีก และนักศึกษาต่างชาติที่มีอยู่ต้องหาทางโอนย้ายออก หรือไม่ก็สูญเสียสถานะทางกฎหมายในสหรัฐฯ”
นโยบายนี้มาจากคำสั่งของ คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งกล่าวหาฮาร์วาร์ดว่าไม่ยอมส่งมอบบันทึกพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติที่รัฐบาลร้องขอเมื่อเดือนที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่า ฮาร์วาร์ด “มีบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนชาวยิว สนับสนุนแนวคิดนิยมฮามาส และยังคงใช้นโยบายความหลากหลายที่เหยียดเชื้อชาติ”
การเพิกถอนสิทธิ์นี้หมายถึงการยุติการรับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงการคุ้มครองทางกฎหมายผ่านโครงการ SEVP หรือโครงการนักศึกษาผู้เยี่ยมชมและโครงการแลกเปลี่ยน(Student and Exchange Visitor Program) ซึ่งอาจกระทบถึงนักศึกษาต่างชาติประมาณ 27.2% ของนักศึกษาฮาร์วาร์ดทั้งหมดในปีการศึกษา 2024–2025 หรือกว่า 6,700 คน
ก่อนหน้านี้ ฮาร์วาร์ดและรัฐบาลทรัมป์มีข้อพิพาทเรื้อรังเรื่องนโยบายความหลากหลาย การคัดเลือกบุคลากร การแสดงออกทางการเมืองของนักเรียนเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล–ฮามาส โดยรัฐบาลได้เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนนโยบายด้าน DEI หรือนโยบายความแตกต่าง ความเท่าเทียม และความมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, Inclusion)

ด้านเจสัน นิวตัน โฆษกมหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า นี่เป็นการกระทำเชิงตอบโต้ที่ผิดกฎหมายและจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชุมชนฮาร์วาร์ดและประเทศชาติ
เขาย้ำว่า ฮาร์วาร์ดจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสถานะของนักศึกษาต่างชาติ และกำลังเร่งให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
มหาวิทยาลัยยังเตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อยับยั้งการตัดเงินทุนสนับสนุนกว่า 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 72,000 ล้านบาท และยังต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่กรมสรรพากรสหรัฐฯ อาจเพิกถอนสถานะการไม่เสียภาษีของมหาวิทยาลัย
ข่าวนี้แพร่กระจายไปในกลุ่มนักศึกษานานาชาติอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความกลัวและความหงุดหงิดในหมู่นักศึกษาหลายพันคนที่อนาคตของพวกเขาตกอยู่ในความไม่แน่นอนอย่างกะทันหัน

เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทรัมป์มีเรื่องขัดแย้งกันมานานหลายเดือน โดยฝ่ายบริหารเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทำการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมนโยบาย การจ้างงาน และการรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อขจัดลัทธิต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย และขจัดสิ่งที่เรียกว่า "แนวทาง 'ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม' ที่เหยียดเชื้อชาติ" ฝ่ายบริหารได้เน้นไปที่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่เชื่อว่าเข้าร่วมการประท้วงในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส
แต่ผู้นำของมหาวิทยาลัยโต้แย้งว่าคำร้องขอหลายประการ รวมทั้งการตรวจสอบมุมมองของนักศึกษาและเจ้าหน้าที่นั้น เกินเลยบทบาทของรัฐบาลกลางไปไกล และอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิขู่ว่า จะเพิกถอนการเข้าถึงโปรแกรมวีซ่านักศึกษาของมหาวิทยาลัย หากไม่ปฏิบัติตามคำขอให้เปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดจากฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษาต่างชาติ
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- "กยศ."ชะลอหัก"เงินเดือน" 3พันบาทเริ่มมิ.ย.
- วิกฤตหนี้สหรัฐฯ "36 ล้านล้านเหรียญ" ที่ "ทรัมป์" ต้องแบกหลังแอ่น
- ภาษีทรัมป์ยังมีผลบังคับใช้ หลังศาลอุทธรณ์ไม่สั่งระงับการขึ้นภาษี
- รัฐบาลทรัมป์ออกคำสั่งให้ระงับสัมภาษณ์ “วีซ่านักเรียนใหม่” มันหมายความว่าอย่างไร และ จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง
ที่มาข้อมูล : Reuters
ที่มารูปภาพ : Harvard University
