
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องให้ประชาชนมีสติ และไม่ให้สถานการณ์พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาบานปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรลามไปสู่ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
โพสต์ดังกล่าวมีขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ (7 มิถุนายน) ที่ผ่านมา โดยมีขึ้นหลังจากที่ดวงชาย (Duong Chhay) ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ทุกคนหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย
“ก่อนหน้านี้ ผมได้เห็นโพสต์ของดวงชาย กับข้อความที่เรียกร้องให้ทุกคนหยุดใช้ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย.. เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต และผม ได้ย้ำคำขอเดิม ว่า อย่าได้ยกระดับความขัดแย้งไปสู่จุดที่จะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ และการก่อความเกลียดชังด้านเชื้อชาติ” สมเด็จฮุน เซน ระบุ
สรุปข่าว
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องให้ประชาชนมีสติ และไม่ให้สถานการณ์พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาบานปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรลามไปสู่ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
โพสต์ดังกล่าวมีขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ (7 มิถุนายน) ที่ผ่านมา โดยมีขึ้นหลังจากที่ดวงชาย (Duong Chhay) ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ทุกคนหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย
“ก่อนหน้านี้ ผมได้เห็นโพสต์ของดวงชาย กับข้อความที่เรียกร้องให้ทุกคนหยุดใช้ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย.. เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต และผม ได้ย้ำคำขอเดิม ว่า อย่าได้ยกระดับความขัดแย้งไปสู่จุดที่จะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ และการก่อความเกลียดชังด้านเชื้อชาติ” สมเด็จฮุน เซน ระบุ
เขากล่าวต่อว่า เมื่อวันเสาร์ กองทัพไทยได้ปิดด่านปอยเปตก่อนกำหนดโดยฝ่ายเดียว ดังนั้น ไทยต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวอย่างเต็มที่ ส่วนประชาชนกัมพูชา ควรมีวุฒิภาวะ ไม่ยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์ใด ๆ
“ผมขอเตือนทั้งชาวกัมพูชา และชาวไทยว่า หากไม่มีสินค้าไทยในตลาดกัมพูชา นั่นไมใช่เพราะประชาชนกัมพูชาเลือกจะคว่ำบาตร แต่เป็นเพราะการปิดด่าน ผมขอให้พี่น้องชาวกัมพูชาทุกคนรักษาความสงบ มีวุฒิภาวะ อดทน สุภาพ แต่ต้องหนักแน่น และอย่าทำอะไรที่ทำให้ชาวต่างชาติมาดูถูกศักดิ์ศรีของเราได้” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
จากสถิติการค้าในปี 2024 กัมพูชาส่งออกไปไทยมูลค่าวกว่า 1,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 36,000 ล้านบาท) ขณะที่ไทยส่งออกไปกัมพูชากว่า 5,200 ล้านดอลลาร์ (ราว 170,000 ล้านบาท)
ฮุน เซน ย้ำว่า หากไม่มีสินค้านำเข้าไทยเข้ามาในกัมพูชา ประชาชนไทยควรไปเรียกร้องกับรัฐบาลตนเอง เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวไทยเอง
ที่มาข้อมูล : Khmertimeskh
ที่มารูปภาพ : Khmertimeskh