ฝนมรสุมถล่มปากีสถาน เสียชีวิตแล้วกว่า 340 ราย

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยราว 2,000 คน กำลังปฏิบัติภารกิจค้นหาร่างผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 9 เขตที่ได้รับผลกระทบ แม้ฝนที่ยังตกหนักจะขัดขวางการทำงานอย่างต่อเนื่อง

บิลาเลห์ อาเหม็ด ไฟซี โฆษกหน่วยกู้ภัยประจำจังหวัด เปิดเผยว่า ถนนถูกตัดขาดหลายสายทำให้เครื่องจักรกลหนักและรถพยาบาลเข้าไม่ถึง เจ้าหน้าที่บางส่วนจำเป็นต้อง เดินเท้าเข้าสู่พื้นที่ห่างไกล เพื่ออพยพผู้รอดชีวิต

รองผู้ว่าการเขตบูเนอร์ ยอมรับว่าอาจยังมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอีกจำนวนมาก และชาวบ้านไม่สามารถขุดเคลียร์ได้ด้วยมือเปล่า

รัฐบาลท้องถิ่นได้ประกาศให้หลายเขตภูเขา เช่น บูเนอร์ บาจอร์ สวัต ชังลา มันเซห์รา และบัตตากราม เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนฝนตกหนักใน ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พร้อมแนะให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน

ที่บริเวณ “สวัต” ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีถนนจมอยู่ใต้น้ำโคลน เสาไฟฟ้าหักโค่น และรถยนต์ถูกฝังครึ่งคันในดินโคลน ฤดูมรสุมปีนี้ถือว่า “ผิดปกติ” ทั้งเริ่มเร็วกว่าเดิมและคาดว่าจะยาวนานกว่าปกติ เจ้าหน้าที่เตือนว่าความรุนแรงอาจเพิ่มขึ้นอีกในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยจนถึงตอนนี้ตั้งแต่ต้นฤดูฝน มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 650 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 905 คน

ขณะเดียวกัน สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 9 คนในแคว้นแคชเมียร์ เขตปกครองของปากีสถาน ขณะที่อีก 5 คนอยู่ในภูมิภาคกิลกิต-บัลติสถาน ทางตอนเหนือ ส่วนอีก 5 คน ซึ่งรวมถึงนักบิน 2 คน ที่เสียชีวิตเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลท้องถิ่น ประสบอุบัติเหตุตก เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายระหว่างภารกิจกู้ภัยในวันศุกร์ที่ผ่านมา 

ปากีสถานถูกจัดให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางที่สุดต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเมื่อปี 2022 น้ำท่วมใหญ่ได้จมพื้นที่กว่าหนึ่งในสามของประเทศและคร่าชีวิตผู้คนราว 1,700 คน