สรุปข่าว
วันนี้ (18 มิ.ย.63) รายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ระบุว่า สิ้นปีที่แล้วทั่วโลกมีผู้พลัดถิ่นเป็นจำนวนถึง 79.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 1% ประชากรโลก โดยจำนวนผู้พลัดถิ่นจากการหนีภัยสงคราม การเข่นฆ่า หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 9 ล้านคน และเกือบเป็น 2 เท่าของจำนวน 41 ล้านคนเมื่อปี 2553 แม้ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วโลก ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออก แต่ก็ยังมีผู้อพยพถูกบังคับให้ต้องย้ายถิ่นฐานอย่างต่อเนื่อง
ในรายงานประจำปีแนวโน้มโลกของ UNHCR ระบุว่า ชาวซีเรีย เวเนซุเอลา อัฟกัน ซูดานใต้ และชาวโรฮิงญาจากเมียนมา คือ ชนชาติที่มีสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และผู้จงใจหนีจากประเทศตน
โดยปีที่แล้ว มีผู้พลัดถิ่นจากซีเรียถึง 13.4 ล้านคน จากสถานการณ์สงครามกลางเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ส่วนชาวเวเนซุเอลาอพยพหนีปัญหาเศรษฐกิจและความยากจนในประเทศ 4.9 ล้านคน ส่วนชาวโรฮิงญาอพยพจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศในปีที่แล้วประมาณ 1.4 ล้านคน
ทั้งนี้ 73% ของผู้ลี้ภัยได้แสวงหาที่พักพิงในประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้หลั่งไหลไปยังชาติตะวันตก
ขณะเดียวกัน รายงายยังระบุว่า การอพยพไปยังสหรัฐได้ลดลงอย่างมาก โดยประเทศที่มีผู้อพยพไปตั้งถิ่นฐานมากที่สุด คือ แคนาดา โดยตัวเลขของ UNHCR ชี้ว่า แคนาดารับผู้ลี้ภัยไป 31,100 คน ขณะที่สหรัฐรับไป 27,500 คน ตามมาด้วยออสเตรเลีย 18,200 คน
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand