
สรุปข่าว
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนพรรครีพับลิกัน เดินทางไปขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองมาคอน รัฐจอร์เจีย เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (3 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตตแห่งที่ 3 ที่เขาลุยหาเสียงในวันเดียว โดยก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปขึ้นเวทีที่รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐนอร์ทแคโรไลนา มาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ยกเรื่องผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ขึ้นมาอ้างว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และตัวเขาไม่สมควรที่จะได้ออกจากทำเนียบขาว พร้อมกับกล่าวโจมตี คู่แข่งอย่าง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีและตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่เป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นตัวสร้างปัญหา และหากเขาชนะการเลือกตั้งเขาจะเข้าไปแก้ไขมัน
ทรัมป์ เปิดประเด็นบนเวทีรัฐจอร์เจียด้วยการบอกว่า เขารักรัฐจอร์เจีย และรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เดินทางกลับมายังรัฐแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยชาวอเมริกันที่รักชาติ พร้อมกับตั้งคำถามว่า เวลานี้ชีวิตของพวกคุณดีขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วหรือไม่ และหากเขาชนะการเลือกตั้งเขาให้สัญญาว่าเขาจะทำให้ชาวอเมริกันมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าขณะนี้
ผลคะแนนนิยมที่สำรวจโดย นิวยอร์กไทม์ และเซียนา คอลเลจ ต่างระบุว่า ที่รัฐจอร์เจีย คะแนนนิยมของทรัมป์ และแฮร์ริส เสมอกันอยู่ที่ร้อยละ 46 เรียกว่ามีโอกาสที่จะชนะได้ทั้งคู่
ขณะที่แฮร์ริส เลือกที่จะขึ้นเวทีหาเสียงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ที่รัฐมิชิแกน ของสหรัฐฯ หนึ่งในรัฐสวิงสเตต เช่นเดียวกัน โดยเธอเลือกที่จะปิดท้ายการหาเสียงในรัฐมิชิแกน ที่เมืองอีสต์ แลนซิง ในหอประชุมของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่มีวัยรุ่นหนุ่มสาวจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ ซึ่งเธอคาดหวังว่าคะแนนเสียงจากเหล่าวัยรุ่นที่มีสิทธิเลือกตั้งจะช่วยให้เธอเอาชนะทรัมป์ในการเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ เธอยังเน้นย้ำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ลงคะแนนเสียง ออกมาใช้สิทธิกันในวันเลือกตั้งจริง นั่นก็คือวันพรุ่งนี้ (5 พฤศจิกายน)
ส่วนอีกประเด็นที่น่าสนใจที่แฮร์ริสระบุในการหาเสียงครั้งนี้ ก็คือ เธอประกาศว่าหากชนะเลือกตั้งเธอจะใช้อำนาจทุกอย่างที่มียุติสงครามในฉนวนกาซา ที่เกิดขึ้นมายาวนานกว่า 1 ปีแล้ว และมีผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายจำนวนมาก โดยเธอยืนยันว่าจะยุติความทุกข์ทรมานของผู้คนในกาซา รวมถึงการนำตัวประกันชาวอิสราเอลกลับบ้าน และแน่นอนว่าหากสงครามยุติลง ชาวปาเลสไตน์ทุกคนจะตระหนักได้ถึงสิทธิ เสรีภาพ และความมั่นคง รวมถึงได้รับสิทธิในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง
ขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยมผู้คนในรัฐมิชิแกนของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า แฮร์ริส มีคะแนนนิยมเหนือคู่แข่งอย่างทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 48 ต่อ 46 ซึ่งก็เรียกได้ว่ายังสูสีกันมากและมีโอกาสที่ผลจะออกได้ทั้งสองหน้า
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน มีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 76 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2020 แล้ว อยู่ที่ราว ๆ ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากในครั้งนั้น มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้ามากถึง 160 ล้านคนเลยทีเดียว
- ทรัมป์ถอน “จาเร็ด ไอแซกแมน” เพื่อนอีลอน มัสก์ ออกจากการเสนอชื่อเป็นผู้บริหารองค์การนาซาคนใหม่
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- “วีโต้” คืออะไร? เจาะความหมายอำนาจยับยั้งที่เหนือเสียงข้างมาก?
- วิกฤตหนี้สหรัฐฯ "36 ล้านล้านเหรียญ" ที่ "ทรัมป์" ต้องแบกหลังแอ่น
- ภาษีทรัมป์ยังมีผลบังคับใช้ หลังศาลอุทธรณ์ไม่สั่งระงับการขึ้นภาษี
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand