
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เปิดเผยรายชื่อและประเทศของนักศึกษาต่างชาติทุกคน โดยให้เหตุผลว่า ต้องการรู้ว่านักศึกษาต่างชาติเหล่านี้เป็นใคร ถือเป็นคำขอที่สมเหตุสมผล เพราะเรามอบเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ฮาร์วาร์ด แต่ฮาร์วาร์ดไม่เต็มใจให้ข้อมูล ทั้งนี้ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยว่ารัฐบาลของเขา จะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้อย่างไร หรือส่วนใดในรัฐบาลของเขาจะบริหารจัดการข้อมูลนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง ระงับคำสั่งของทรัมป์ที่ให้เพิกถอนสิทธิในการรับนักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ด
สรุปข่าว
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เปิดเผยรายชื่อและประเทศของนักศึกษาต่างชาติทุกคน โดยให้เหตุผลว่า ต้องการรู้ว่านักศึกษาต่างชาติเหล่านี้เป็นใคร ถือเป็นคำขอที่สมเหตุสมผล เพราะเรามอบเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ฮาร์วาร์ด แต่ฮาร์วาร์ดไม่เต็มใจให้ข้อมูล ทั้งนี้ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยว่ารัฐบาลของเขา จะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้อย่างไร หรือส่วนใดในรัฐบาลของเขาจะบริหารจัดการข้อมูลนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง ระงับคำสั่งของทรัมป์ที่ให้เพิกถอนสิทธิในการรับนักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ด
ก่อนหน้านี้ คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ ได้ส่งจดหมายถึงผู้บริหารของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า การมีส่วนร่วมของฮาร์วาร์ดในโครงการผู้มาเยือนแลกเปลี่ยนและนักศึกษา (SEVP) จะถูกยกเลิก โดยมีผลบังคับใช้ในทันที เนื่องจากฮาร์วาร์ด สนับสนุนความรุนแรง และนักศึกษาต่างชาติทุกคนในฮาร์วาร์ดต้องย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่น หากจะอยู่ในสหรัฐฯ ต่อ
จากนั้น ฮาร์วาร์ดได้ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าคำสั่งนี้ละเมิดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ซึ่งคุ้มครองเสรีภาพในการพูด และฉบับแก้ไขครั้งที่ 14 ที่ให้สิทธิพลเมืองและสิทธิทางกฎหมายที่เท่าเทียมกัน ซึ่งผู้พิพากษา อัลลิสัน เบอร์โรส์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโอบามา สั่งระงับคำสั่งของรัฐบาลทรัมป์ชั่วคราว
ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์กำลังเดินหน้าจัดการกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ รวมถึง ฮาร์วาร์ด ที่พวกเขาระบุว่า ไม่คุ้มครองนักศึกษาชาวยิวจากแนวคิดต่อต้านชาวยิว และมุ่งเป้าไปที่ความพยายามสร้างความหลากหลายในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
ส่วนกฎหมายงบประมาณใหม่ที่กำลังถูกพิจารณาในสภาคองเกรส ก็เพิ่มอัตราการเก็บภาษีเงินลงทุนที่มหาวิทยาลัยเอกชนที่ร่ำรวยได้รับบริจาคด้วย