เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 2) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 2) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

“คนหนุ่มสาวกลับสู่ชนบท” (Returning Youth) หรือที่คนจีนอาจเรียกว่า “ฟ่านเซียนชิงเหนียน” (Fan Xian Qing Nian) กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งในกระแสหลักของสังคมจีนในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ ...

หลังวิกฤติโควิด คนหนุ่มสาวจีนในวัยราว 25-40 ปีที่อาจเป็นบัณฑิตจบใหม่ที่ยังหางานที่เหมาะสมไม่ได้ แรงงานเดิมที่ตกงาน มีงานที่ไม่สอดคล้องกับความรู้ความสามารถ หรือไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชนเมือง ต่างทยอยกลับสู่พื้นที่ชนบท เรากำลังพูดถึงคนหนุ่มสาวประมาณ 15 ล้านคนในปี 2025 เลยทีเดียว

สรุปข่าว

กระแส “คนหนุ่มสาวกลับสู่ชนบท” ในจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่เบื่อความเหนื่อยล้าในเมืองและแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จีนเร่งพัฒนาหมู่บ้านให้น่าอยู่ พร้อมบริการสาธารณะครบครัน ทั้งรัฐและเอกชนร่วมลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ เช่น หมู่บ้านดิจิทัลและเกษตรอัจฉริยะ รัฐบาลตั้งเป้าฟื้นฟูชนบทอย่างรอบด้านในปี 2027 และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนภายในปี 2035

“คนหนุ่มสาวกลับสู่ชนบท” (Returning Youth) หรือที่คนจีนอาจเรียกว่า “ฟ่านเซียนชิงเหนียน” (Fan Xian Qing Nian) กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งในกระแสหลักของสังคมจีนในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ ...

หลังวิกฤติโควิด คนหนุ่มสาวจีนในวัยราว 25-40 ปีที่อาจเป็นบัณฑิตจบใหม่ที่ยังหางานที่เหมาะสมไม่ได้ แรงงานเดิมที่ตกงาน มีงานที่ไม่สอดคล้องกับความรู้ความสามารถ หรือไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชนเมือง ต่างทยอยกลับสู่พื้นที่ชนบท เรากำลังพูดถึงคนหนุ่มสาวประมาณ 15 ล้านคนในปี 2025 เลยทีเดียว

เพื่อให้พื้นที่ชนบทสามารถดึงดูดคนหนุ่มสาวได้เป็นรูปธรรม จีนจึงมุ่งสร้าง “หมู่บ้านน่าอยู่” อย่างจริงจัง โดยจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน อาทิ การศึกษา การดูแลรักษาสุขภาพ และอื่นๆ

เราต้องไม่ลืมว่า คนรุ่นใหม่มีแนวคิดหลายอย่างที่แตกต่างจากคนเจนก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความสมดุลระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน” (Work-Life Balance) ท่านผู้อ่านที่จ้องรับผิดชอบในการสรรหาบุคลากรใหม่จึงไม่ต้องแปลกใจหากการสัมภาษณ์พนักงาน ผู้สมัครอาจสอบถามถึงสิ่งที่พวกเขาจะได้รับ อาทิ เงินเดือน ชั่วโมงทำงาน วันพักผ่อน รูปแบบการทำงาน และอื่นๆ

การทำงานในเมืองใหญ่ของจีนอาจมีรายได้สูง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นเงาตามตัว หากมาจากต่างเมือง คนเหล่านี้ก็อาจต้องเสียค่าเช่าห้องขนาดเล็กชานเมืองในราคาที่สูง คิดเป็นสัดส่วนถึงเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้เลยทีเดียว บวกค่าอาหารที่สูงลิ่ว และอื่นๆ เรียกว่าหักกลับลบหนี้กันแล้วเหลือเงินเก็บไม่มากนักในแต่ละเดือน จนเมื่อหลายคน “คิดทบทวน” และอาจรู้สึกไม่คุ้มค่ากับการใช้ชีวิตที่ต้อง “หมุนเป็นลูกข่าง”

ในทางกลับกัน คนหนุ่มสาวที่โยกย้ายกลับสู่ชนบทอาจให้ความสำคัญกับ “มาตรฐานการครองชีพที่ดี” และเห็นคุณค่าของ “วิถีชีวิตที่เรียบง่าย” อาทิ การได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดญาติผู้ใหญ่ การไม่ต้องทนกับปัญหาการจราจร การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว และการมีเวลาออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น คนหนุ่มสาวเหล่านี้ยังอาจอยากรับรู้ความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก และโยกย้ายถิ่นฐานไปทั้งครอบครัว ดังนั้น การมีบริการขั้นพื้นฐานในด้านการสื่อสาร การศึกษา และการสาธารณสุข รวมทั้งโอกาสด้านเศรษฐกิจที่เหมาะสมก็จะช่วยให้คนเหล่านั้นตัดสินใจได้เร็วขึ้น 

นั่นหมายความว่า การโยกย้ายถิ่นฐานของคนหนุ่งสาวสู่พื้นที่ชนบทในยุคใหม่จึงมีทั้งมิติเชิงปริมาณและคุณภาพควบคู่กันไป เพราะครอบคลุมตั้งแต่แรงงานก่อสร้าง ผู้ประกอบการ ไปจนถึงบัณฑิตตกงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จบการศึกษาด้านการเกษตร ครูอาจารย์ แพทย์พยาบาล พนักงานด้านเทคโนโลยี และอื่นๆ 

ผมกำลังบอกว่า คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ได้กลับกลับสู่พื้นที่ชนบทแบบตัวเปล่า แต่หอบหิ้วเอาความรู้และประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจ และเครือข่ายในห่วงโซ่แห่งคุณค่าติดไปด้วย

อีกอย่างที่ต้องไม่ลืม ภาคเอกชนจีนในวันนี้ก็ยังเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาในอีกหลายส่วน ร้านอาหารจานด่วน ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจอื่นที่เดิมเปิดบริการในชุมชนเมือง และเผชิญกับแรงกดดันด้านแข่งขันที่สูง ก็กำลังเร่งหันไป “แสวงหาโอกาสใหม่” ขยายธุรกิจสู่พื้นที่ชนบท สิ่งเหล่านี้ทำให้คนหนุ่มสาวและครอบครัวเหล่านี้ไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับความสะดวกสบายไม่ต่างจากชีวิตในเมือง

ขณะเดียวกัน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน ก็ทำให้คนในพื้นที่ชนบทมีช่องทางในการสร้างรายได้ในวงกว้างผ่านฮับอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Hub) หมู่บ้านหลายแห่งในจีนได้กลายเป็น “หมู่บ้านดิจิตัล”  (Digital Villages) อย่างรวดเร็ว 

อาลีบาบา (Alibaba) ยักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซ ดูเหมือนจะเป็นผู้ประกอบการที่ตอบสนองต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาลได้อย่างสร้างสรรค์ในเชิงรุก ทำให้จีนมี “หมู่บ้านเถาเป่า” (Taobao Village) อยู่กว่า 6,000 แห่งทั่วจีนในปัจจุบัน 

นอกจากการเป็นช่องทางในการนำเสนอและจำหน่ายสินค้าเกษตรและหัตถกรรมในพื้นที่ชนบท หมู่บ้านเถาเป่ายังช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านอื่น อาทิ การเกษตรอัจฉริยะ และการท่องเที่ยวด้านการเกษตร (Agri-Tourism) รวมทั้งพลังงานสีเขียว (Green Energy) ในพื้นที่อีกด้วย

ประเด็นสำคัญก็คือ คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีได้กำหนดเป้าหมาย 2 ระยะ อันได้แก่ เป้าหมายระยะสั้นในปี 2027 และเป้าหมายระยะยาวในปี 2035 

โดยเป้าหมายหลักในระยะใกล้ของ “แผนการสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับพื้นที่ชนบทปี 2024-2027” ระบุว่า ภายในปี 2027 จีนตั้งเป้าที่จะบรรลุ “ความก้าวหน้า” ที่สำคัญในการฟื้นฟูชนบทอย่างรอบด้านทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับความทันสมัยทางการเกษตรในปี 2035

ว่าง่ายๆ จีนกำลังเดินหน้าการพัฒนาการผลิตในพื้นที่ชนบทที่มีคุณภาพสูงและการเพิ่มรายได้ของเกษตรกร ผ่านความพยายามในการส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความทันสมัยของภาคการเกษตรและพื้นที่ชนบท อาทิ การทำฟาร์ม การแปรรูป และการจำหน่ายสินค้าเกษตรสีเขียวและคาร์บอนต่ำในระยะยาว รวมทั้งการท่องเที่ยวด้านการเกษตรและเชิงนิเวศน์

นอกจากนี้ จีนยังส่งเสริม “การบริโภค” ในพื้นที่ชนบทอย่างรอบด้าน เราจึงเห็นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก และการปรับปรุงระบบการค้าออนไลน์และโลจิสติกส์ รวมไปถึงการสนับสนุนการจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่เป้าหมายระยะยาวของนโยบายดังกล่าว จีนมุ่งหวังที่จะบรรลุการฟื้นฟูชนบทอย่าง “ครอบคลุม” และ “รอบด้าน” ภายในปี 2035 ที่กำหนดให้เพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการพัฒนาเมืองและชนบท ปลูกฝังขีดความสามารถในพื้นที่ชนบท ขยายช่องทางการสร้างรายได้ใหม่และมั่งคง และส่งเสริมวัฒนธรรมที่รองรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม

ผมกำลังพูดถึง การให้คำมั่นในการสร้าง “หมู่บ้านที่น่าอยู่” ที่ทำให้การปฏิรูปการเกษตรและชนบทเกิดเป็นรูปธรรมอย่างลึกซึ้งเพื่อกระตุ้นความมีชีวิตชีวาของการพัฒนาและส่งเสริมความทันสมัยของพื้นที่ชนบท ซึ่งนั่นจะนำไปสู่การเพิ่มอุปสงค์และจำนวนคนชั้นกลางของจีนให้เกิดเป็นรูปธรรมในระยะยาว 

ความพยายามดังกล่าวยังคาดว่าจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกำลังการผลิตทางการเกษตรโดยรวม และความแข็งแกร่งของรากฐานความมั่นคงด้านอาหารของจีน โดยคาดว่าจะเพิ่มระดับการรับประกันการจัดหาธัญพืชและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผ่านการรักษาพื้นที่การเพาะปลูกโดยรวมไว้ที่ราว 730 ล้านไร่ และส่งเสริมกำลังการผลิตธัญพืชให้อยู่ในระดับ 700,000 ล้านตัน

ตอนหน้าผมจะพาไปส่อง “กรณีศึกษา” ความสำเร็จของการกลับสู่ชนบทของหนุ่มสาวชาวจีนที่น่าสนใจกันครับ ...

ที่มาข้อมูล : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ที่มารูปภาพ : AFP

แท็กบทความ

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
คนหนุ่มสาวกลับชนบท
วิถีชีวิตใหม่ในจีน
พัฒนาชนบทจีน
นโยบายจีน 2035