

สรุปข่าว
วันที่ 8
มกราคม 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน
สถานีตำรวจนครบาลบางรัก กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกระใส่รถส่วนตัว7-8 นัด เมื่อคืนวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ว่าวันนี้ได้ให้ข้อมูลหลายส่วนทั้งเรื่องโครงการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอเมทริกซ์หรือเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
ที่ตนเซ็นยกเลิกคำสั่งสมัยเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องดังกล่าว พร้อมกับนำเอกสารรายงานแจ้งปัญหาการใช้งานไบโอเมทริกซ์
ซึ่งผู้หวังดีได้ส่งมาให้
ยืนยันว่าระบบนี้ไม่ได้ดีจริงที่จับได้หลายๆคดีเป็นเพราะฝีมือตำรวจทั้งนั้น
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์มาก่อเหตุ
รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องรถเบนซ์สีดำต้องสงสัยที่ขับมาวน
ภายในบริเวณร้านนวดแผนโบราณก่อนเกิดเหตุ
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร
โดยพลตำรวจโทสุรเชษฐ์
ย้ำว่า คดีนี้น่าจะจับตัวคนก่อเหตุได้ไม่ยาก เพราะมีกล้องวงจรปิดมากมาย
และส่วนตัวทราบผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้มีอำนาจระดับสั่งการ และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ช่วยจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้
เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระประจำปีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ออกมายืนยันว่า มีการแต่งตั้งคนดีเข้ามาทำงาน ซึ่งหากจับผู้ก่อเหตุไม่ได้
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบ
พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ยอมรับว่า ส่วนตัวอยากกลับมาเป็นตำรวจ แต่คงไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องหรือสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ตัวเองเด่นดัง เพราะตั้งแต่พ้นจากตำรวจก็เก็บตัวเงียบมาตลอดไม่เคยออกมาโวยวายหรือร้องขอต่อสื่อมวลชน และส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นว่า สาเหตุที่ถูกลอบยิงรถยนต์ มาจากการที่ตัวเองเตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างซื้อไบโอเมทริกซ์ ซึ่งส่วนตัว มองว่า โครงการนี้ มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท และผ่านการพิจารณาเรื่องจากอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มามากถึง 3 คน ดังนั้น การที่ตัวเองตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับ
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -