"บิ๊กโจ๊ก" ให้การปปช.ยืนยัน 2 โครงการสตม.ใช้งานไม่ได้จริง

"บิ๊กโจ๊ก" ให้การปปช.ยืนยัน 2 โครงการสตม.ใช้งานไม่ได้จริง

สรุปข่าว

วันนี้ (10 ม.ค.63) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เดินทางเข้าให้การต่อสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะพยานหลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องให้สอบ 4 นายตำรวจระดับสูง ได้แก่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และพล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจรับงาน ทั้ง 2 โครงการ ได้แก่

โครงการไบโอเมตริกซ์ และโครงการรถสายตรวจอัจฉริยะ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพบว่าไม่สามารถเชื่อมต่อระบบสารสนเทศน์ของ ตม.ได้ รวมไปถึงส่งงานติดตั้งล่าช้า รวมไปถึงข้อสังเกตุการขอขยายเวลาการตรวจรับ ที่ไม่ตรงตามทีโออาร์ให้กับบริษัทที่รับติดตั้ง ที่ส่อไปในทางทำให้รัฐเสียหาย เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องจ่ายค่าเสียหายให้รัฐไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ล้านบาท หากไม่สามารถติดตั้งได้ทันเวลา ขณะที่โครงการรถสายตรวจอัจฉริยะ ก็มีมูลค่าสูงถึง 900 ล้านบาท แต่ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังพูดในเรื่องของคดีความที่มีคนร้ายมาลอบยิงรถนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้หวังว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว หลังจากที่ได้ยินคลิปเสียงของการสนทนาที่เกิดขึ้น ยิ่งทำให้เชื่อมั่นใจว่า คดีของตนจะคล้ายกับคดีของนักข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังเปิดเผยในส่วนของกระแสข่าวว่าต้องการกลับไปรับราชการอีกครั้งนั้น ยืนยันว่า ไม่เคยให้การเป็นกระแสข่าว แต่หากถามว่าต้องการกลับไปรับราชการหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าตนเองมีความเหมาะสมในหน้าที่ใด ในปัจจุบันตนเองก็ถือเป็นข้าราชการอยู่เช่นเดิม ซึ่งถ้าหากไม่ถูกย้ายออกมาเสียก่อน ก็จะมีระยะเวลาในการรับราชการเหลืออีกถึง 11 ปีด้วยกัน

ก่อนหน้านี้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ก็ได้เดินทางเข้าให้การต่อสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปเมื่อวานที่ผ่านมาหลังจากยื่นเรื่องร้องเรียนไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2562 โดยหลังจากนี้จะมีการเรียกพยานทั้ง 13 ปาก ที่เป็นตำรวจระดับนายพลอีก 2 นาย นายพัน 10 นาย และตำรวจชั้นประทวน 1 นาย ที่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจรับมอบ และพบความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้าง จนทำให้ถูกคำสั่งย้ายทั้งหมดอย่างไม่เป็นธรรม

นอกจากตัวของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แล้ว ในวันนี้ยังมีรองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดินทางเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานอีก 1 ท่านด้วยเช่นกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"เสรีพิศุทธ์" มั่นใจ ยิงถล่มรถ "บิ๊กโจ๊ก" จัดฉาก หวังเปลี่ยนตัวผบ.ตร.

"บิ๊กโจ๊ก" หดหู่ ฟังคลิปเสียง "ผบ.ตร.-วิระชัย" สะท้อนความเชื่อมั่นตร.

รองโฆษก ตร. ยอมรับ คลิปเสียงหลุดเป็นเสียง "ผบ.ตร.-วิระชัย" 

“บิ๊กโจ๊ก”เชื่อผู้มีอำนาจสั่งยิงรถ! กร้าวจับไม่ได้”ผบ.ตร.”ต้องรับผิดชอบ 

"บิ๊กป้อม" ไม่รู้คลิปเสียงหลุด จ่อเคลียร์ใจ "บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก"


เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

บิ๊กโจ๊ก
สุรเชษฐ์ หักพาล
ยิงถล่มรถบิ๊กโจ๊ก
ยิงรถบิ๊กโจ๊ก
ไบโอเมตริกซ์
รถสายตรวจอัจฉริยะ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง