
สรุปข่าว
“ฟ้าหลัว” หรือเรียกอีกอย่างว่า “หมอกแดด” นั้น เกิดจากฝุ่นละอองต่าง ๆ ลอยขึ้นมาแขวนในอากาศ ซึ่งสภาพอากาศแบบฟ้าหลัวนั้นมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากลักษณะของอากาศร้อนจะแห้งและเบา ทำให้มันลอยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ง่ายกว่าอากาศเย็น และในขณะที่มันลอยตัว อากาศก็จะยกเอาพวกฝุ่นละอองต่าง ๆ ขึ้นไปด้วย ซึ่งเมื่อลอยแล้วไปไหนไม่ได้ มันก็จะแขวนลอยอยู่ในอากาศนั่นเอง ทำให้เรามองออกไปได้ไม่ไกลมาก ซึ่งแตกต่างกับช่วงฤดูหนาว ที่ฟ้ามักใสกว่า เนื่องจากมวลอากาศเย็นนั้นหนักกว่าอากาศร้อน ก็เลยกดตัวลงมาสู่พื้นดินมากกว่า ดังนั้นเมื่อมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมา มันก็จะกดพวกฝุ่นละอองต่าง ๆ ให้อยู่กับพื้น ไม่ลอยขึ้นมา เลยทำให้ทัศนวิสัยในช่วงฤดูหนาวนั้นดีกว่าช่วงฤดูร้อน หรือฟ้าใสกว่านั่นเอง ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ นั้นฟ้าหลัวจะคล้ายกับหมอก แต่จะแตกต่างตรงที่ ถ้าหากเป็นหมอกนั้น พอเจอแดดก็จะค่อย ๆ หายไป แต่ฟ้าหลัวจะเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน ถ้าหากช่วงสาย ๆ มีแดดส่องลงมาแล้ว ทัศนวิสัยยังไม่ชัด ก็เป็นที่ชัดเจนว่าวันนั้นฟ้าหลัว ซึ่งไม่ต้องกังวล สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่วันนั้นจะมีอากาศร้อนและแดดจัดได้
- UAE เผชิญคลื่นความร้อน อุณหภูมิพุ่ง 50.4 องศาฯ ทุบสถิติสูงสุดเดือน พ.ค.
- “ญี่ปุ่น” ยกเว้นค่าน้ำพื้นฐาน ช่วยชาวโตเกียวรับมือคลื่นความร้อน
- “เท็กซัส” ร้อนจัด ทั้งที่ยังไม่เข้าฤดูร้อน ชาวเมืองบ่นอุบเหมือนอยู่ในเตาอบ
- นักวิทยาศาสตร์ชี้ เม.ย.2025 ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 สะท้อนปัญหาโลกร้อนที่ไม่ถูกแก้ไข
- ลำปางยังร้อนต่อเนื่อง อุณหภูมิทะลุ 40 องศาฯ คาดร้อนสุดท้ายก่อนเข้าฤดูฝน
- อากาศร้อนจัด! เปิด 10 อันดับ สภาพอากาศ "อุณหภูมิสูงสุด" แตะ 38.7 องศาฯ
- คลื่นร้อนถล่มอินเดีย–ปากีสถาน พุ่งแตะ 50°C นักวิทย์เตือน “นี่คือความปกติใหม่”
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand