ปรับ "นาฬิกาวันสิ้นโลก" ชี้ความเสี่ยงจาก "สงคราม-อากาศ-เอไอ" ทำโลกใกล้ถึงจุดจบเร็วขึ้น

ปรับ "นาฬิกาวันสิ้นโลก" ชี้ความเสี่ยงจาก "สงคราม-อากาศ-เอไอ" ทำโลกใกล้ถึงจุดจบเร็วขึ้น

“Doomsday Clock” (นาฬิกาวันสิ้นโลก) เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงระดับความเสี่ยงที่มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อหายนะครั้งใหญ่ เช่น สงครามนิวเคลียร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยคุกคามทางเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นนาฬิกาเชิงสัญลักษณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงระยะเวลา ที่มนุษย์ยังมีเหลืออยู่ ก่อนจะเข้าใกล้เวลาเที่ยงคืน เพื่อสื่อถึงจุดจบของโลก ที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป 

นาฬิกานี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1947 โดย Bulletin of the Atomic Scientists ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เคยมีส่วนร่วมในโครงการแมนฮัตตัน (โครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก) พวกเขาใช้ "เที่ยงคืน" เป็นสัญลักษณ์ของหายนะที่ร้ายแรงที่สุด และปรับเวลาใกล้-ไกลจากเที่ยงคืนขึ้นอยู่กับระดับภัยคุกคามของโลกในช่วงเวลานั้น

สรุปข่าว

นักวิทยาศาสตร์เลื่อน "นาฬิกาวันสิ้นโลก" ซึ่ง เป็นนาฬิกาเชิงสัญลักษณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงระยะเวลา ที่มนุษย์ยังมีเหลืออยู่ให้เร็วขึ้น 1 วินาที เหลือเวลาอีกเพียง 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืน เนื่องจากโลกมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามหลายด้าน ทั้งสงครามและวิกฤตสภาพอากาศ

“Doomsday Clock” (นาฬิกาวันสิ้นโลก) เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงระดับความเสี่ยงที่มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อหายนะครั้งใหญ่ เช่น สงครามนิวเคลียร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยคุกคามทางเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นนาฬิกาเชิงสัญลักษณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงระยะเวลา ที่มนุษย์ยังมีเหลืออยู่ ก่อนจะเข้าใกล้เวลาเที่ยงคืน เพื่อสื่อถึงจุดจบของโลก ที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป 

นาฬิกานี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1947 โดย Bulletin of the Atomic Scientists ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เคยมีส่วนร่วมในโครงการแมนฮัตตัน (โครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก) พวกเขาใช้ "เที่ยงคืน" เป็นสัญลักษณ์ของหายนะที่ร้ายแรงที่สุด และปรับเวลาใกล้-ไกลจากเที่ยงคืนขึ้นอยู่กับระดับภัยคุกคามของโลกในช่วงเวลานั้น

ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับเวลา

1.    ภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ – ความขัดแย้งทางทหารที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ เช่น สงครามเย็น หรือความตึงเครียดระหว่างประเทศมหาอำนาจ

2.    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – ภาวะโลกร้อนและภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น

3.    ภัยคุกคามจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ – เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อาจถูกใช้ในทางที่เป็นอันตราย หรือภัยจากสงครามชีวภาพ

4.    โรคระบาดระดับโลก – เช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบโลก


ซึ่งในปี 2023 นาฬิกาวันสิ้นโลกถูกปรับมาอยู่ที่ 90 วินาทีก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้ที่สุดในประวัติศาสตร์ สาเหตุหลักมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

และล่าสุด องค์กรด้านวิทยาศาสตร์ (Bulletin of the Atomic Scientists) ได้ปรับ “นาฬิกาวันสิ้นโลก” หรือ Doomsday Clock โดยมีการปรับนาฬิกาให้เร็วกว่าปีก่อน 1 วินาที เหลือระยะเวลาเพียง 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืน เนื่องจากโลกมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามหลายด้าน โดยพิจารณาจากภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้ง ความตึงเครียดในภูมิภาคอื่นๆ การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ทางการทหาร และวิกฤตสภาพอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติระดับโลก

“แดเนียล โฮลซ์” ประธานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยขององค์กร ระบุว่า การตั้งนาฬิกาวันสิ้นโลกไว้ที่ 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืน ถือเป็นการส่งคำเตือนสำหรับผู้นำโลกทุกคน ให้ตระหนักถึงความเปราะบางของโลก โดยเฉพาะในช่วงที่สงคราม มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังคงมองว่า การเลื่อนเวลาออกไปให้ห่างจากเที่ยงคืนนั้น ยังมีความเป็นไปได้ หากผู้นำและประเทศต่างๆ ร่วมมือกันแก้ไขความเสี่ยงต่อการทำลายล้างโลกในทุกปัจจัย ทั้งด้านสงครามและสิ่งแวดล้อม


ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ