โลกร้อนไม่หยุด อุณหภูมิมหาสมุทรสูงไม่แผ่ว ปะการังฟอกขาวแทบไม่เหลือ

โลกร้อนไม่หยุด อุณหภูมิมหาสมุทรสูงไม่แผ่ว ปะการังฟอกขาวแทบไม่เหลือ

คลื่นความร้อนในมหาสมุทรส่งผลให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียสจากค่าเฉลี่ยเมื่อช่วงฤดูร้อนในเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา แนวปะการังขนาดใหญ่อย่างเกรทแบร์ริเออร์รีฟ และเกาะนิงกาลู ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถูกคุกคามจากคลื่นความร้อนจนเกิดการฟอกขาวครั้งใหญ่ 

 

ปะการังฟอกขาว เป็นปรากฎการณ์ที่ปะการังสูญเสียสาหร่าย “ซูแซนเทลลี” ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และทำให้ปะการังมีสีสันสดใส เป็นความสวยงามใต้ท้องทะเล ซึ่งปะการังและสาหร่ายชนิดนี้มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน โดยสาหร่ายจะสังเคราะห์แสงสร้างพลังงานผลิตอาหารให้กับปะการัง ส่วนปะการังก็เป็นที่อยู่อาศัยให้กับสาหร่าย และรับสารอาหารจากปะการังไปใช้ในการสังเคราะห์แสง แต่ขณะเดียวกันปะการังก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างมาก

สรุปข่าว

ภาพจากโดรนใต้น้ำชี้ให้เห็นว่าใต้ทะเลกำลังเสื่อมโทรมลงจากอุณหภูมิมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้น “ปะการัง” บริเวณนอกชายฝั่งของออสเตรเลียตะวันตกเผชิญกับวิกฤตฟอกขาวและแตกออกจนหดเล็กลง ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี AI ถูกนำเข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์หาแนวทาง และเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์แนวปะการังซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล

คลื่นความร้อนในมหาสมุทรส่งผลให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียสจากค่าเฉลี่ยเมื่อช่วงฤดูร้อนในเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา แนวปะการังขนาดใหญ่อย่างเกรทแบร์ริเออร์รีฟ และเกาะนิงกาลู ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถูกคุกคามจากคลื่นความร้อนจนเกิดการฟอกขาวครั้งใหญ่ 

 

ปะการังฟอกขาว เป็นปรากฎการณ์ที่ปะการังสูญเสียสาหร่าย “ซูแซนเทลลี” ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง และทำให้ปะการังมีสีสันสดใส เป็นความสวยงามใต้ท้องทะเล ซึ่งปะการังและสาหร่ายชนิดนี้มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน โดยสาหร่ายจะสังเคราะห์แสงสร้างพลังงานผลิตอาหารให้กับปะการัง ส่วนปะการังก็เป็นที่อยู่อาศัยให้กับสาหร่าย และรับสารอาหารจากปะการังไปใช้ในการสังเคราะห์แสง แต่ขณะเดียวกันปะการังก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างมาก

บริษัทเทคโนโลยี ADVANCED NAVIGATION ของออสเตรเลียได้นำ Hydrus โดรนใต้น้ำขนาดเล็กแต่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้างแผนที่ใต้น้ำดิจิทัลสามมิติด้วย AI สำรวจแนวปะการัง Hall Bank บริเวณนอกชายฝั่งของออสเตรเลียตะวันตก โดย Hydrus ทั้ง 3 ตัว สามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงครอบคลุมพื้นที่ใต้ท้องทะเล สามารถทำงานได้อัตโนมัติด้วยระยะ 1.5 กิโลเมตร ที่ความลึก 300 เมตร นานถึง 3 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต หรือใช้ GPS นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวความชัดระดับ 4K และวิเคราะห์ข้อมูลในเวลาเดียวกัน ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินแนวปะการัง 

 

ข้อมูลที่รวบรวมจาก Hydrus ทำให้เห็นถึงความน่าตกใจ เนื่องจากปะการังส่วนใหญ่เกิดการฟอกขาวและแตกหักเสียหาย บ่งชี้ถึงวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมรุนแรงที่ซ่อนอยู่ใต้ทะเล แม้ว่าปะการังจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เปลี่ยนแปลงแต่ก็เป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น หากปรากฏการณ์ฟอกขาวกินระยะเวลานานความสามารถในการฟื้นตัวของปะการังก็จะลดต่ำลงไปจนถึงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อีก ซึ่งข้อมูลจาก Hydrus ทำให้เห็นว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลนี้เกินความสามารถในการปรับตัวของปะการังส่วนใหญ่ 

อย่างไรก็ตามยังคงมีปะการังบางชนิดที่สามารถปรับตัวและมีชีวิตอยู่ต่อได้แม้อุณหภูมิน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นจากคลื่นความร้อนใต้ทะเล ข้อมูลที่ได้จาก Hydrus จะช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลง วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาแนวทางการอนุรักษ์แนวปะการังและระบบนิเวศใต้ท้องทะเลได้มากขึ้น

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Envato