“นิวซีแลนด์” เล็งเก็บ ค่าธรรมเนียมเที่ยวธรรมชาติ หวังฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์

“นิวซีแลนด์” เล็งเก็บ ค่าธรรมเนียมเที่ยวธรรมชาติ หวังฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์

รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศแผนการเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้มาตรการนี้ในปี 2027 และกำหนดค่าธรรมเนียมระหว่าง 20 ถึง 40 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 450–900 บาท) ต่อคน


สถานที่แรก ๆ ที่คาดว่าจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียม ได้แก่ Cathedral Cove / Te Whanganui-a-Hei, Tongariro Crossing, Milford Track และ Aoraki Mount Cook ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก


รัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นายทามา โพทากา เปิดเผยว่า มาตรการใหม่นี้อาจสร้างรายได้ให้ประเทศถึง 62 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,395 ล้านบาท ซึ่งจะถูกนำกลับไปใช้ในการดูแลและพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ที่เป็นหัวใจของภาคการท่องเที่ยวของประเทศ

สรุปข่าว

นิวซีแลนด์เดินหน้าแผนใหม่ เตรียมเก็บ "ค่าธรรมเนียม" จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังนำรายได้กลับมาดูแลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการเปิดทางให้ธุรกิจรุกล้ำพื้นที่อนุรักษ์

รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศแผนการเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้มาตรการนี้ในปี 2027 และกำหนดค่าธรรมเนียมระหว่าง 20 ถึง 40 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 450–900 บาท) ต่อคน


สถานที่แรก ๆ ที่คาดว่าจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียม ได้แก่ Cathedral Cove / Te Whanganui-a-Hei, Tongariro Crossing, Milford Track และ Aoraki Mount Cook ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก


รัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นายทามา โพทากา เปิดเผยว่า มาตรการใหม่นี้อาจสร้างรายได้ให้ประเทศถึง 62 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,395 ล้านบาท ซึ่งจะถูกนำกลับไปใช้ในการดูแลและพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ที่เป็นหัวใจของภาคการท่องเที่ยวของประเทศ

แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงกฎหมายการอนุรักษ์ครั้งใหญ่ โดยจะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากที่ดินอนุรักษ์ ซึ่งครอบคลุมถึงการอนุญาตให้ภาคธุรกิจ เช่น การท่องเที่ยว เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน สามารถดำเนินกิจกรรมบนที่ดินเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตในบางกรณี


นายกรัฐมนตรี “คริสโตเฟอร์ ลักสัน” ระบุว่า รัฐบาลตั้งใจ “ปลดล็อกคลื่นลูกใหม่ของการลงทุน” เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน รายได้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยใช้พื้นที่อนุรักษ์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา โดยที่ดินอนุรักษ์ในนิวซีแลนด์ถือเป็นทรัพย์สินของรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณหนึ่งในสามของประเทศ และรวมถึงเขตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยในปัจจุบัน แม้จะมีธุรกิจบางประเภท เช่น ลานสกี หรือฟาร์มปศุสัตว์ ที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการบนที่ดินอนุรักษ์ แต่ธุรกิจอื่น ๆ กลับเผชิญกับข้อจำกัดจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวสร้างความกังวลอย่างกว้างขวางในหมู่นักอนุรักษ์และนักสิ่งแวดล้อม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งปัจจุบัน นิวซีแลนด์มีสัตว์เฉพาะถิ่นจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงในการสูญพันธุ์


นางโคลอี สวาร์บริก หัวหน้าร่วมพรรคกรีน กล่าววิจารณ์นโยบายของรัฐบาลว่า เป็นการยกผลประโยชน์ของภาคธุรกิจมาเหนือการปกป้องสิ่งแวดล้อมและอนาคตของคนรุ่นต่อไป ขณะที่ นางนิโคลา โทกิ ประธานบริหารองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ “Forest & Bird” กล่าวว่า การปฏิรูปกฎหมายครั้งนี้ถือเป็นการลดทอนหลักการอนุรักษ์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี และจะเพิ่มความกดดันต่อสัตว์ป่าที่เปราะบาง “จากที่เคยเน้นการปกป้อง วันนี้เรากำลังเปลี่ยนไปในทิศทางของการแสวงหาประโยชน์” เธอกล่าวปิดท้าย

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Envato