ฝรั่งเศสร้อนระอุ ไฟป่าเผาไร่องุ่นมหาศาล

ฝรั่งเศสร้อนระอุ ไฟป่าเผาไร่องุ่นมหาศาล

แคว้นโอด (Aude) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสกำลังเผชิญปัญหาสองด้าน ทั้งการลดลงของไร่องุ่นจากพฤติกรรมการบริโภคไวน์ที่เปลี่ยนไป และไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ปี 1949 ซึ่งโหมกระหน่ำจากสภาพอากาศแห้งแล้งและลมแรง

 

ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ไร่องุ่นในพื้นที่ถูกถอนออกไปเกือบ 31,250 ไร่ การสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังทำให้ภูมิทัศน์ขาดแนวกั้นไฟตามธรรมชาติ เนื่องจากไร่องุ่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีสามารถชะลอการลุกลามของเพลิงได้

 

ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปีนี้เผาผลาญพื้นที่กว้างกว่ากรุงปารีส สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน ป่าไม้ และพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งคร่าชีวิตประชาชนหนึ่งคน มีนักผจญเพลิงราว 2,000 นายปฏิบัติการควบคุมเพลิง ขณะที่แนวไฟสามารถลุกลามได้ไกลหลายร้อยเมตรในเวลาอันสั้น บางช่วงไฟเคลื่อนตัวด้วยความเร็วถึง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไร่องุ่นบางส่วนได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ แต่หลายพื้นที่ยังคงรอดพ้น เนื่องจากการจัดเรียงต้นองุ่นเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบและการดูแลไม่ให้มีวัชพืชปกคลุม แม้ว่าผลองุ่นจะถูกทำลายก็ตาม ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ที่ไร่องุ่นถูกถอนและปล่อยทิ้งร้างมักถูกปกคลุมด้วยวัชพืชและพุ่มไม้ ทำให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี

สรุปข่าว

ตอนใต้ของฝรั่งเศสเผชิญไฟป่าครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 70 ปี ลุกลามรวดเร็วจากสภาพอากาศร้อนและแห้งจัดที่รุนแรงขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน สาเหตุหนึ่งคือฤดูร้อนที่ยาวนาน แห้งแล้งต่อเนื่อง 3 ปี ซ้ำการถอนไร่องุ่นกว่า 31,000 ไร่ยิ่งเร่งไฟลามหนัก

แคว้นโอด (Aude) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสกำลังเผชิญปัญหาสองด้าน ทั้งการลดลงของไร่องุ่นจากพฤติกรรมการบริโภคไวน์ที่เปลี่ยนไป และไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ปี 1949 ซึ่งโหมกระหน่ำจากสภาพอากาศแห้งแล้งและลมแรง

 

ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ไร่องุ่นในพื้นที่ถูกถอนออกไปเกือบ 31,250 ไร่ การสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังทำให้ภูมิทัศน์ขาดแนวกั้นไฟตามธรรมชาติ เนื่องจากไร่องุ่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีสามารถชะลอการลุกลามของเพลิงได้

 

ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปีนี้เผาผลาญพื้นที่กว้างกว่ากรุงปารีส สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน ป่าไม้ และพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งคร่าชีวิตประชาชนหนึ่งคน มีนักผจญเพลิงราว 2,000 นายปฏิบัติการควบคุมเพลิง ขณะที่แนวไฟสามารถลุกลามได้ไกลหลายร้อยเมตรในเวลาอันสั้น บางช่วงไฟเคลื่อนตัวด้วยความเร็วถึง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไร่องุ่นบางส่วนได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ แต่หลายพื้นที่ยังคงรอดพ้น เนื่องจากการจัดเรียงต้นองุ่นเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบและการดูแลไม่ให้มีวัชพืชปกคลุม แม้ว่าผลองุ่นจะถูกทำลายก็ตาม ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ที่ไร่องุ่นถูกถอนและปล่อยทิ้งร้างมักถูกปกคลุมด้วยวัชพืชและพุ่มไม้ ทำให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี

แคว้นโอดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแถบไวน์ประวัติศาสตร์คอร์บิแอร์ (Corbières) มีชื่อเสียงด้านไวน์แดงรสเข้มและมีกลิ่นหอม ได้สูญเสียไร่องุ่นไปแล้วถึง 7% ในปีนี้เพียงปีเดียว หรือประมาณ 43,750 ไร่ สะท้อนถึงแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสได้จ่ายเงินอุดหนุนราว 166,000 บาทต่อไร่ให้เกษตรกรถอนเถาองุ่น เพื่อลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการที่ลดลง

 

แม้จะสนับสนุนให้เปลี่ยนไปปลูกพืชทนแล้งอย่างมะกอกและพิสตาชิโอ แต่เกษตรกรในพื้นที่ระบุว่าไม่มีพืชใดเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาแห้งแล้ง หลังจากการเลี้ยงแกะซึ่งเคยเป็นทางเลือกหลักได้หายไปเกือบหมด

ยุโรปกำลังร้อนขึ้นในอัตราสองเท่าของค่าเฉลี่ยโลก ทำให้ทวีปนี้เป็นภูมิภาคที่ร้อนเร็วที่สุด ภาวะโลกร้อนส่งผลให้ฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งจัดมากขึ้น เอื้อต่อการลุกลามของไฟป่าให้รวดเร็วและรุนแรงขึ้น แคว้นโอดเผชิญภาวะภัยแล้งต่อเนื่องมานานสามปี และหากไม่มีการสนับสนุนครั้งใหญ่จากภาครัฐ เกษตรกรหลายรายอาจไม่สามารถฟื้นตัวได้ ทำให้ภูมิภาคนี้ยิ่งเปราะบางต่อไฟป่าในอนาคต

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters