วิกฤตปะการัง! เกรทแบร์ริเออร์รีฟทรุดหนัก ปะการังลดลงมากสุดในรอบ 40 ปี

วิกฤตปะการัง! เกรทแบร์ริเออร์รีฟทรุดหนัก ปะการังลดลงมากสุดในรอบ 40 ปี

รายงานวิจัยล่าสุดจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (AIMS) เผยว่า แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญการลดลงของพื้นที่ปะการังอย่างรุนแรง โดยในปีที่ผ่านมา พื้นที่ปะการังในภูมิภาคเหนือและใต้ลดลงระหว่าง 25% ถึง 33% ภายในเวลาเพียง 12 เดือน นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

สาเหตุหลักของการลดลงครั้งนี้ มาจาก เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยปะการังฟอกขาวในครั้งนี้มีผลกระทบครอบคลุมทั้งสามภูมิภาคของแนวปะการัง ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง และใต้ และส่วนใหญ่จัดอยู่ในระดับ “รุนแรงถึงรุนแรงมาก”


สำหรับ “ปะการังฟอกขาว” (Coral Bleaching) คือปรากฏการณ์ที่ปะการังขับสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันภายในเนื้อเยื่อของมันออกไป ส่งผลให้ปะการังสูญเสียสีสันที่สดใสและกลายเป็นสีขาวซีด สาเหตุหลักมักมาจาก ความเครียดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น เป็นระยะเวลานาน หากปะการังไม่สามารถฟื้นตัวได้ทัน อาจนำไปสู่การตายของแนวปะการังในวงกว้าง

สรุปข่าว

แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟของออสเตรเลีย กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ หลังเกิดเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวรุนแรงที่สุดในประวัติการณ์ ส่งผลให้พื้นที่ปะการังลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี นักวิทยาศาสตร์เตือน หากไม่มีการแก้ไข ภูมิทัศน์ทางทะเลอันงดงามแห่งนี้อาจหายไปตลอดกาล

รายงานวิจัยล่าสุดจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (AIMS) เผยว่า แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญการลดลงของพื้นที่ปะการังอย่างรุนแรง โดยในปีที่ผ่านมา พื้นที่ปะการังในภูมิภาคเหนือและใต้ลดลงระหว่าง 25% ถึง 33% ภายในเวลาเพียง 12 เดือน นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

สาเหตุหลักของการลดลงครั้งนี้ มาจาก เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยปะการังฟอกขาวในครั้งนี้มีผลกระทบครอบคลุมทั้งสามภูมิภาคของแนวปะการัง ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง และใต้ และส่วนใหญ่จัดอยู่ในระดับ “รุนแรงถึงรุนแรงมาก”


สำหรับ “ปะการังฟอกขาว” (Coral Bleaching) คือปรากฏการณ์ที่ปะการังขับสาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันภายในเนื้อเยื่อของมันออกไป ส่งผลให้ปะการังสูญเสียสีสันที่สดใสและกลายเป็นสีขาวซีด สาเหตุหลักมักมาจาก ความเครียดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น เป็นระยะเวลานาน หากปะการังไม่สามารถฟื้นตัวได้ทัน อาจนำไปสู่การตายของแนวปะการังในวงกว้าง

แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเคยแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการฟื้นตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวหลายครั้งตั้งแต่ปี 2016 อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ว่า เหตุการณ์ในปี 2024 ได้ทำลายความคืบหน้าเหล่านั้นอย่างรุนแรง แนวปะการังแห่งนี้ทอดตัวยาวกว่า 2,400 กิโลเมตร นอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสำคัญที่สร้างรายได้เข้าสู่ออสเตรเลียราว 6.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี (ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท)


แม้ยูเนสโกยังไม่ได้ขึ้นบัญชีแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเป็น "มรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย" อย่างเป็นทางการ แต่สหประชาชาติแนะนำให้ออสเตรเลียพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเร่งดำเนินมาตรการอนุรักษ์และฟื้นฟูโดยด่วน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการจัดอันดับนี้ โดยให้เหตุผลว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แม้จะยอมรับถึงความท้าทายที่แนวปะการังกำลังเผชิญอยู่ก็ตาม

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากไม่มีการดำเนินการเชิงนโยบายอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจทำให้แนวปะการังที่เคยอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกแห่งนี้ สูญพันธุ์ไปในที่สุด


แนวปะการังไม่เพียงแต่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลายพันสายพันธุ์เท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องชายฝั่งจากคลื่นลมแรง และมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศของโลก การอนุรักษ์แนวปะการังจึงไม่ใช่แค่เรื่องของท้องทะเล หากแต่เป็นภารกิจร่วมของมนุษยชาติที่เชื่อมโยงถึงความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters