“เกรตแบร์ริเออร์รีฟ” ฟอกขาวรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี

ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อโลกใต้ท้องทะเลมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง “เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ”


นักวิจัยพบว่า อุณหภูมิของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ร้อนขึ้นทุกปี โดยร้อนขึ้นเฉลี่ยที่ 0.12 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ สำหรับปะการังแล้ว อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวปะการังได้ถึง 99%

แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย โดยมีปะการัง 600 ชนิด และปลา 1,625 สายพันธุ์ ทำหน้าที่ช่วยปกป้องแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียประมาณปีละ 4,200 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

สรุปข่าว

"วิกฤตโลกร้อนกำลังคุกคามขุมทรัพย์ใต้ท้องทะเลอย่างรุนแรง แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับการฟอกขาวครั้งประวัติศาสตร์ และเสี่ยงต่อการสูญสลาย หากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น"

ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อโลกใต้ท้องทะเลมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง “เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ”


นักวิจัยพบว่า อุณหภูมิของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ร้อนขึ้นทุกปี โดยร้อนขึ้นเฉลี่ยที่ 0.12 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ สำหรับปะการังแล้ว อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวปะการังได้ถึง 99%

แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย โดยมีปะการัง 600 ชนิด และปลา 1,625 สายพันธุ์ ทำหน้าที่ช่วยปกป้องแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียประมาณปีละ 4,200 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

รายงานวิจัยล่าสุดจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (AIMS) เผยว่า แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญการลดลงของพื้นที่ปะการังอย่างรุนแรง โดยในปีที่ผ่านมา พื้นที่ปะการังในภูมิภาคเหนือและใต้ลดลงระหว่าง 25% ถึง 33% ภายในเวลาเพียง 12 เดือน นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี


สาเหตุหลักของการลดลงครั้งนี้ มาจาก เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยปะการังฟอกขาวในครั้งนี้มีผลกระทบครอบคลุมทั้งสามภูมิภาคของแนวปะการัง ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง และใต้ และส่วนใหญ่จัดอยู่ในระดับ “รุนแรงถึงรุนแรงมาก” ซึ่งแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเคยแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการฟื้นตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวหลายครั้งตั้งแต่ปี 2016 แต่ รายงานล่าสุดชี้ว่า เหตุการณ์ในปี 2024 ได้ทำลายความคืบหน้าเหล่านั้นอย่างรุนแรง ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการเชิงนโยบายอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจทำให้แนวปะการังที่เคยอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกแห่งนี้ สูญพันธุ์ไปในที่สุด

จากข้อมูลนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะถ้าหากอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ และหากทั่วโลกไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ในทศวรรษหน้า อนาคตของแนวปะการังก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน

ที่มาข้อมูล : TNN EARTH

ที่มารูปภาพ : TNN EARTH