ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อโลกใต้ท้องทะเลมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง “เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ”

นักวิจัยพบว่า อุณหภูมิของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ร้อนขึ้นทุกปี โดยร้อนขึ้นเฉลี่ยที่ 0.12 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ สำหรับปะการังแล้ว อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวปะการังได้ถึง 99%
แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย โดยมีปะการัง 600 ชนิด และปลา 1,625 สายพันธุ์ ทำหน้าที่ช่วยปกป้องแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียประมาณปีละ 4,200 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

สรุปข่าว
ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อโลกใต้ท้องทะเลมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง “เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ”

นักวิจัยพบว่า อุณหภูมิของ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ร้อนขึ้นทุกปี โดยร้อนขึ้นเฉลี่ยที่ 0.12 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ สำหรับปะการังแล้ว อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวปะการังได้ถึง 99%
แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย โดยมีปะการัง 600 ชนิด และปลา 1,625 สายพันธุ์ ทำหน้าที่ช่วยปกป้องแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียประมาณปีละ 4,200 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

รายงานวิจัยล่าสุดจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (AIMS) เผยว่า แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญการลดลงของพื้นที่ปะการังอย่างรุนแรง โดยในปีที่ผ่านมา พื้นที่ปะการังในภูมิภาคเหนือและใต้ลดลงระหว่าง 25% ถึง 33% ภายในเวลาเพียง 12 เดือน นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

สาเหตุหลักของการลดลงครั้งนี้ มาจาก เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยปะการังฟอกขาวในครั้งนี้มีผลกระทบครอบคลุมทั้งสามภูมิภาคของแนวปะการัง ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง และใต้ และส่วนใหญ่จัดอยู่ในระดับ “รุนแรงถึงรุนแรงมาก” ซึ่งแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเคยแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการฟื้นตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวหลายครั้งตั้งแต่ปี 2016 แต่ รายงานล่าสุดชี้ว่า เหตุการณ์ในปี 2024 ได้ทำลายความคืบหน้าเหล่านั้นอย่างรุนแรง ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการเชิงนโยบายอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจทำให้แนวปะการังที่เคยอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกแห่งนี้ สูญพันธุ์ไปในที่สุด
จากข้อมูลนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะถ้าหากอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ และหากทั่วโลกไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ในทศวรรษหน้า อนาคตของแนวปะการังก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
- “สเปน” ปฏิวัติการศึกษา บรรจุหลักสูตรสอนรับมือภัยพิบัติ เตรียมคนรุ่นใหม่สู้โลกร้อน!
- ภัยแล้ง–น้ำท่วมถล่มเอเชีย วิกฤตน้ำส่อพังเศรษฐกิจโลก หากไร้การแก้ไข
- โลกร้อนขึ้น 7 °C ในปี 2100 โลกเสี่ยงอพยพครั้งใหญ่
- มัสแตงแห่งเนปาล สวรรค์นักท่องเที่ยว หรือกับดักน้ำท่วม?
- 133 ล้านงานทั่วโลกเสี่ยงหาย หากมหาสมุทรไม่ยั่งยืน
