
นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเร่งตัวอย่างรวดเร็ว กำลังใกล้จะเกินเป้าหมาย 1.5°C ของข้อตกลงปารีสภายในเพียง 3 ปี การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกและระดับน้ำทะเลที่เร่งตัว ทำให้หลายพื้นที่เผชิญความเสี่ยงสูง แต่รายงานนี้ก็ยังมีข่าวดีเล็กน้อยที่ชี้ให้เห็นว่า การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังสามารถช่วยลดความรุนแรงของวิกฤติได้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากความไม่สมดุลของพลังงานบนโลก คือความแตกต่างระหว่างพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์กับพลังงานที่ส่งกลับออกไปในอวกาศ ก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ จะดูดซับความร้อนจากโลกมากขึ้น เมื่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น ความร้อนถูกกักเก็บในบรรยากาศมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกและมหาสมุทรสูงขึ้น
สรุปข่าว
นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเร่งตัวอย่างรวดเร็ว กำลังใกล้จะเกินเป้าหมาย 1.5°C ของข้อตกลงปารีสภายในเพียง 3 ปี การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกและระดับน้ำทะเลที่เร่งตัว ทำให้หลายพื้นที่เผชิญความเสี่ยงสูง แต่รายงานนี้ก็ยังมีข่าวดีเล็กน้อยที่ชี้ให้เห็นว่า การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังสามารถช่วยลดความรุนแรงของวิกฤติได้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากความไม่สมดุลของพลังงานบนโลก คือความแตกต่างระหว่างพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์กับพลังงานที่ส่งกลับออกไปในอวกาศ ก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ จะดูดซับความร้อนจากโลกมากขึ้น เมื่อปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น ความร้อนถูกกักเก็บในบรรยากาศมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกและมหาสมุทรสูงขึ้น
รายงานล่าสุดพบว่า ความไม่สมดุลของพลังงานโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกทศวรรษ โดยเพิ่มมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่ปี 1980 และจากปี 2020–2024 มนุษย์เพิ่มก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 200 พันล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า การสะสมความร้อนนี้ทำให้โลกอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ หากยังปล่อยก๊าซต่อในอัตราปัจจุบัน โลกอาจเกินการเพิ่มขึ้น 1.5°C เหนืออุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรมภายในปี 2028
อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเพิ่มขึ้นจากยุค 1800 ถึงปัจจุบัน 1.24°C โดยเฉพาะปี 2023 และ 2024 ที่ร้อนจัด ทำให้แนวโน้มการอุ่นของโลกเร่งตัว อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.27°C ต่อทศวรรษ เร็วกว่าทศวรรษ 1990–2000 ประมาณ 50% การอุ่นตัวนี้ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เพราะน้ำทะเลขยายตัวและน้ำแข็งบนบกละลาย ตั้งแต่ปี 1900 ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 9 นิ้ว แต่ตั้งแต่ปี 2000 การเพิ่มขึ้นเร่งตัวเป็นสองเท่า และในทศวรรษที่ผ่านมาเพิ่มเร็วขึ้นเป็น 4.5 มิลลิเมตรต่อปี แม้ว่าผลลัพธ์ส่วนใหญ่ในรายงานจะดูน่ากังวล แต่ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง คือ หากมนุษย์เร่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกสามารถชะลอหรือครึ่งหนึ่งของอัตราได้ แม้ว่ามนุษย์อาจพลาดเป้า 1.5°C แต่เป้า 2°C ยังสามารถทำได้ หากมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซอย่างจริงจังในทศวรรษนี้
จีนมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เนื่องจากประชากรและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทำให้จีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบหนึ่งในสามของโลก แต่การนำเทคโนโลยีสะอาดมาใช้เร็วขึ้น ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเริ่มลดลงเล็กน้อย การตัดสินใจของสังคมและรัฐบาลในทศวรรษนี้จะกำหนดแนวโน้มสภาพภูมิอากาศในอนาคต
รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่าการอุ่นขึ้นของโลกและการสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลกำลังเร่งตัว มนุษย์ใกล้จะเกินเป้า 1.5°C แต่ยังมีโอกาสลดผลกระทบ หากโลกเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานสะอาด และมาตรการควบคุมมลพิษ การตัดสินใจในทศวรรษนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดชะตากรรมของโลกทั้งทางสิ่งแวดล้อมและสังคม
- 8 ประเทศเอเชียเสี่ยงน้ำท่วมสูง กรุงเทพฯ ติดอันดับเสี่ยงจมน้ำ
- ชาวออสเตรเลียนับล้านเสี่ยง เจอน้ำทะเลหนุนกลืนเมืองชายฝั่ง หากโลกร้อนเกิน 3 องศาฯ
- “สเปน” ปฏิวัติการศึกษา บรรจุหลักสูตรสอนรับมือภัยพิบัติ เตรียมคนรุ่นใหม่สู้โลกร้อน!
- ภัยแล้ง–น้ำท่วมถล่มเอเชีย วิกฤตน้ำส่อพังเศรษฐกิจโลก หากไร้การแก้ไข
- โลกร้อนขึ้น 7 °C ในปี 2100 โลกเสี่ยงอพยพครั้งใหญ่
ที่มาข้อมูล : yaleclimateconnections.org
ที่มารูปภาพ : NASA
