
“ไนเจล ท็อปปิง” (Nigel Topping) ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Committee: CCC) คนใหม่ของสหราชอาณาจักร เตือนว่าการอ่อนข้อ หรือลดความเข้มข้นของนโยบายที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) อาจสร้างความวิตกให้แก่นักลงทุนและทำให้ตลาดการเงินผันผวน พร้อมชี้ว่าหลักฐานเชิงเศรษฐกิจแสดงชัดว่า สหราชอาณาจักรจะได้รับประโยชน์มหาศาล หากเดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง
“ท็อปปิง” ระบุว่า ภาคธุรกิจต้องการ “สัญญาณเชิงนโยบายที่มั่นคงและชัดเจน” ซึ่งการเปลี่ยนจุดยืนไปมา (flip-flopping) ไม่เป็นผลดีต่อการลงทุน โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาที่ขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาสมองไหลและเงินทุนไหลออกจากภาคพลังงานสะอาด เนื่องจากภาครัฐขาดความแน่นอนด้านนโยบาย
สรุปข่าว
“ไนเจล ท็อปปิง” (Nigel Topping) ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Committee: CCC) คนใหม่ของสหราชอาณาจักร เตือนว่าการอ่อนข้อ หรือลดความเข้มข้นของนโยบายที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) อาจสร้างความวิตกให้แก่นักลงทุนและทำให้ตลาดการเงินผันผวน พร้อมชี้ว่าหลักฐานเชิงเศรษฐกิจแสดงชัดว่า สหราชอาณาจักรจะได้รับประโยชน์มหาศาล หากเดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง
“ท็อปปิง” ระบุว่า ภาคธุรกิจต้องการ “สัญญาณเชิงนโยบายที่มั่นคงและชัดเจน” ซึ่งการเปลี่ยนจุดยืนไปมา (flip-flopping) ไม่เป็นผลดีต่อการลงทุน โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาที่ขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาสมองไหลและเงินทุนไหลออกจากภาคพลังงานสะอาด เนื่องจากภาครัฐขาดความแน่นอนด้านนโยบาย
เขาชี้ว่าความต่อเนื่องของนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งในสมัยรัฐบาลพรรคแรงงานและพรรคอนุรักษ์นิยม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร และการส่งสัญญาณว่าประเทศอาจเปลี่ยนทิศทางเหมือนสหรัฐฯ อาจสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก
ในมุมของประชาชน ท็อปปิงเสนอว่า รัฐบาลควรเร่งปฏิรูประบบตลาดไฟฟ้าเพื่อลดราคาค่าไฟ เนื่องจากโครงสร้างปัจจุบันที่ผูกกับราคาก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งมีความผันผวนสูง) ทำให้ค่าไฟสูงเกินจริง การลดภาระค่าธรรมเนียมด้านพลังงานสะอาด (green levies) ที่บวกอยู่ในค่าไฟแล้วโยกไปเก็บในรูปภาษีทั่วไป จะช่วยลดต้นทุนพลังงานให้ทั้งครัวเรือนและภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขายังเตือนว่าการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากเกินไปเป็นความเสี่ยงในระยะยาว โดยสำนักงานความรับผิดชอบด้านงบประมาณของสหราชอาณาจักรประเมินว่า หากราคาก๊าซพุ่งสูงอีกครั้ง อาจทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นถึง 13% ของจีดีพี หรือราว 5.8 ล้านล้านบาท พร้อมย้ำว่าการเพิ่มการผลิตก๊าซจากทะเลเหนือไม่ช่วยลดราคาพลังงาน เนื่องจากราคากำหนดในตลาดโลก อีกทั้งจะกระทบความน่าเชื่อถือด้านการดำเนินการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศของประเทศด้วย
ท็อปปิงซึ่งเคยทำงานในภาคการผลิต 18 ปีก่อนผันตัวสู่สายงานด้านการรณรงค์สภาพภูมิอากาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 และเคยดำรงตำแหน่งผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านการดำเนินการด้านภูมิอากาศในการประชุม COP26 ที่กลาสโกว์ ปี พ.ศ. 2564 กล่าวว่า หลักฐานทางเศรษฐกิจชี้ชัดว่าสหราชอาณาจักรสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ โดยใช้งบลงทุนเริ่มต้นเพียง 0.2% ของจีดีพี (ส่วนใหญ่จากภาคเอกชน) และจะเริ่มเห็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษหน้า (หลังปี พ.ศ. 2578)
แม้ยังมีนักการเมืองบางส่วนที่ต้องการชะลอหรือลดระดับนโยบาย Net Zero เพื่อเอาใจฐานเสียงอนุรักษ์นิยม แต่ท็อปปิงยืนยันว่าการกำหนดนโยบายต้องอิงหลักฐาน ไม่ใช่การปลุกกระแสทางการเมืองโดยไร้ข้อมูลรองรับ พร้อมเผยว่าผลสำรวจของคณะกรรมการฯ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการดำเนินการด้านภูมิอากาศที่เข้มแข็งและต้องการให้รัฐบาลสื่อสารอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
เขาทิ้งท้ายว่า หากเดินหน้าตามทิศทางปัจจุบัน สหราชอาณาจักรอาจสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วกว่ากำหนดถึงปี พ.ศ. 2588 ก่อนเป้าหมายหลักปี พ.ศ. 2593 ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้ากว่า 75% และเสริมความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศในระยะยาวอย่างมหาศาล
- ปี 68 ยุโรปร้อนรุนแรง เสียชีวิตแล้ว 24,000 คน
- 8 ประเทศเอเชียเสี่ยงน้ำท่วมสูง กรุงเทพฯ ติดอันดับเสี่ยงจมน้ำ
- ชาวออสเตรเลียนับล้านเสี่ยง เจอน้ำทะเลหนุนกลืนเมืองชายฝั่ง หากโลกร้อนเกิน 3 องศาฯ
- “สเปน” ปฏิวัติการศึกษา บรรจุหลักสูตรสอนรับมือภัยพิบัติ เตรียมคนรุ่นใหม่สู้โลกร้อน!
- ภัยแล้ง–น้ำท่วมถล่มเอเชีย วิกฤตน้ำส่อพังเศรษฐกิจโลก หากไร้การแก้ไข
