สทนช. ยืนยันกทม. ยังไม่เสี่ยงน้ำท่วมใหญ่ จะเกิดขึ้นได้ต้องมี 3 ปัจจัย

 สทนช. ยืนยันกทม. ยังไม่เสี่ยงน้ำท่วมใหญ่ จะเกิดขึ้นได้ต้องมี 3 ปัจจัย

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ขณะนี้ยังมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ บางวันปริมาณฝนสูงเกิน 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำขังรอการระบาย เนื่องจากศักยภาพการระบายน้ำของกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 60 - 80 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง

สรุปข่าว

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. ระบุ กรุงเทพฯ ยังไม่เสี่ยงน้ำท่วมใหญ่ แต่ต้องเฝ้าระวังน้ำขังจากฝนตกหนัก น้ำท่วมใหญ่จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีน้ำเหนือ ฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุนพร้อมกัน ปัจจุบันการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังมีช่องว่างรองรับน้ำ ทุ่งรับน้ำในลุ่มเจ้าพระยาจะใช้เป็นมาตรการสุดท้าย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนและเร่งระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบ.

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ขณะนี้ยังมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ บางวันปริมาณฝนสูงเกิน 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำขังรอการระบาย เนื่องจากศักยภาพการระบายน้ำของกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 60 - 80 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับความกังวลเรื่องน้ำท่วมใหญ่ นายสุรสีห์ยืนยันว่า สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีปัจจัย 3 ส่วนมาพร้อมกัน ได้แก่ น้ำเหนือที่หลากลงมากับแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านกรุงเทพฯ เกินกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุน ปัจจุบันการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังคงอยู่ที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ยังมีช่องว่างรองรับน้ำอีกมาก

เลขาธิการ สทนช. ระบุว่า การใช้ทุ่งรับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะเป็นมาตรการสุดท้าย หากมีปริมาณน้ำมากจนต้องระบายที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะมีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าและจัดแผนระบายน้ำออกจากทุ่งให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

ที่มาข้อมูล : สทนช.

ที่มารูปภาพ : AFP