
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความท้าทายครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมผลไม้ของเกาหลีใต้ อุณหภูมิที่สูงขึ้น คลื่นความร้อนยาวนาน และฝนตกหนักกะทันหัน ส่งผลให้ผลไม้แตกร้าว รสหวานลดลง และผลผลิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดคือ ความเสียหายของลูกแอปเปิล เกิดจากการดูดซึมน้ำอย่างรวดเร็วในช่วงอากาศสุดขั้วจนผิวผลไม้ขยายเกินขีดจำกัด การได้รับแสงแดดติดต่อกันยาวนานทำให้ผลไม้เหลืองและเสียหาย ดอกไม้ที่ออกก่อนกำหนดในฤดูใบไม้ผลิอุ่น ทำให้ต้นไม้เสี่ยงต่อความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง บางเกษตรกรต้องลงทุนสร้างโครงร่มเพื่อป้องกันการถูกแดดเผา
สำนักงานพัฒนาชนบทเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า พื้นที่เหมาะสมกับการปลูกแอปเปิล ซึ่งปัจจุบันต้องการอุณหภูมิ 7.5–11.5 องศาเซลเซียส อาจหายไปหมดภายในปี 2090 หากยังพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง ในกรณีร้ายที่สุด พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับแอปเปิลอาจเหลือเพียง 1.1% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดภายในปี 2070 พื้นที่ปลูกพืชชนิดอื่นก็ลดลงเช่นกัน พื้นที่ปลูกแพร์ลดจาก 89.8% เหลือ 30.1% พื้นที่ปลูกพีชลดจาก 82.2% เหลือ 29.9% และพื้นที่ปลูกโสมเหลือเพียง 9%
สรุปข่าว
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงกำลังสร้างความท้าทายใหญ่ต่ออุตสาหกรรมผลไม้ของเกาหลีใต้ ทำให้แอปเปิล พีช แพร์ และโสมเสียหาย ผลผลิตลดลง และคุณภาพผลไม้ลดต่ำลงอย่างชัดเจน พื้นที่ปลูกผลไม้ที่ต้องการอากาศเย็น เช่น แอปเปิลและโสม มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก ขณะที่พืชเขตร้อนชื้น เช่น ส้มฮัลลาองและส้มแมนดาริน กลับมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปรับตัวต้องลงทุนสูงและใช้เวลา การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยรักษาพื้นที่ปลูกผลไม้ดั้งเดิมและความมั่นคงของอุตสาหกรรมในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความท้าทายครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมผลไม้ของเกาหลีใต้ อุณหภูมิที่สูงขึ้น คลื่นความร้อนยาวนาน และฝนตกหนักกะทันหัน ส่งผลให้ผลไม้แตกร้าว รสหวานลดลง และผลผลิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดคือ ความเสียหายของลูกแอปเปิล เกิดจากการดูดซึมน้ำอย่างรวดเร็วในช่วงอากาศสุดขั้วจนผิวผลไม้ขยายเกินขีดจำกัด การได้รับแสงแดดติดต่อกันยาวนานทำให้ผลไม้เหลืองและเสียหาย ดอกไม้ที่ออกก่อนกำหนดในฤดูใบไม้ผลิอุ่น ทำให้ต้นไม้เสี่ยงต่อความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง บางเกษตรกรต้องลงทุนสร้างโครงร่มเพื่อป้องกันการถูกแดดเผา
สำนักงานพัฒนาชนบทเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า พื้นที่เหมาะสมกับการปลูกแอปเปิล ซึ่งปัจจุบันต้องการอุณหภูมิ 7.5–11.5 องศาเซลเซียส อาจหายไปหมดภายในปี 2090 หากยังพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง ในกรณีร้ายที่สุด พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับแอปเปิลอาจเหลือเพียง 1.1% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดภายในปี 2070 พื้นที่ปลูกพืชชนิดอื่นก็ลดลงเช่นกัน พื้นที่ปลูกแพร์ลดจาก 89.8% เหลือ 30.1% พื้นที่ปลูกพีชลดจาก 82.2% เหลือ 29.9% และพื้นที่ปลูกโสมเหลือเพียง 9%
ขณะที่โสมก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะโสมเป็นพืชที่ไวต่อความร้อนยาวนาน ต้องใช้เวลาเจริญเติบโต 6 ปีในพื้นที่ร่ม แต่ความร้อนต่อเนื่องทำให้การเจริญเติบโตช้าและคุณภาพลดลง ทำให้ผลผลิตบางส่วนมีมูลค่าตลาดต่ำ
ในขณะเดียวกัน พืชเขตร้อนชื้น เช่น ส้มฮัลลาองและส้มแมนดาริน มีแนวโน้มขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น โดยพื้นที่ปลูกส้มฮัลลาองคาดว่าจะเพิ่มจาก 0.6% เป็น 12.9% และส้มแมนดารินจาก 1.2% เป็น 34.6%
นอกจากนี้ยังพบว่ารสชาติของผลไม้ก็เปลี่ยนไปด้วย งานวิจัยของสถาบันวิจัยพฤกษศาสตร์และสมุนไพรแห่งชาติ พบว่า องุ่นเคียวโฮ ที่ได้รับอุณหภูมิในเวลากลางคืนสูงกว่า 24 องศาเซลเซียส มีน้ำตาลต่ำ ผลสุกไม่เต็มที่ สีผลจางลงแทนที่จะเป็นม่วงเข้ม
ตลาดผู้บริโภคสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แม้ว่าแอปเปิลฟูจิยังคงคิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งออกในปี 2023 แต่ผลผลิตลดลงเกือบหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่สายพันธุ์ใหม่ เช่น ชินาโนะโกลด์ แอปเปิลผิวสีเหลือง เติบโตอย่างรวดเร็ว จากการส่งออก 0.5 ตันในปี 2018 เป็นเกือบ 3,000 ตันในปี 2023
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปรับตัวไม่ง่าย เนื่องจากสภาพดิน รอบการผลิต และความต้องการลงทุน การเปลี่ยนชนิดพืชจึงทำได้ยาก การเพิ่มการนำเข้าอาจช่วยรักษาอุปทาน แต่ก็อาจกระทบความยั่งยืนของผลไม้ท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ในกรณีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน พื้นที่ 16.2% ยังสามารถปลูกแอปเปิลได้ในปี 2070 แสดงว่าการลดมลพิษยังช่วยรักษาผลไม้ดั้งเดิมของเกาหลีใต้ไว้ได้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังคุกคามผลไม้หลักของเกาหลีใต้ เช่น แอปเปิล พีช แพร์ และโสม ขณะเดียวกันพืชเขตร้อนชื้นขยายตัว การปรับตัวต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง การลดการปล่อยก๊าซยังเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาผลไม้ดั้งเดิมและความมั่นคงของอุตสาหกรรมผลไม้ในอนาคต
- โลกจับตา “จีน” ลดก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าที่คาด แต่ลงทุนพลังงานสะอาดถล่มทลาย
- 5 ประเทศเสี่ยงหายจากแผนที่โลก เหตุโลกร้อนรุนแรงทำน้ำทะเลสูง
- สัญญาณอันตรายจากขั้วโลกใต้ ธารน้ำแข็งพังทลาย อนาคตเสี่ยง ระดับน้ำทะเลสูงกว่า 10 เมตร!
- โลกร้อนเขย่าวงการเกษตร ผึ้งหยุดทำงาน-ผลไม้ไม่ติดผล ไทยเสี่ยงภัยพิบัติซ้ำซ้อน
- เกาหลีใต้จ่ายทรัมป์ไม่ได้ เงินสด 11.2 ล้านล้านบาท เร่งหาทางเลือกอื่น
ที่มาข้อมูล : Korea Times
ที่มารูปภาพ : Reuters
