
สรุปข่าว
หลายคนคงกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมว่า “พรีไบโอติกส์กับโพรไบโอติกส์” คืออะไร แล้วทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันหรือไม่ และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจพร้อมๆ กัน ในบทความนี้
พรีไบโอติกส์ และ โพรไบโอติกส์ คืออะไร?
พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) เป็นสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์ย่อย แต่ดูดซึมไม่ได้ ต้องอาศัย โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตในลำไส้ใหญ่มาย่อยสลาย ตัวพรีไบโอติกส์ถึงจะถูกดูดซึมโดยลำไส้เล็ก และนำไปใช้ในร่างกายได้ ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือ พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีที่เราเรียกว่าโพรไบโอติกส์ นั่นเอง
สำหรับพรีไบโอติกส์จะมีหลายชนิด และจะจำเพาะต่อโพรไบโอติกส์แต่ละสายพันธุ์ด้วย ดังนั้นจะเห็นว่าถ้าอยากให้ร่างกายได้ประโยชน์จากทั้งสอง จะต้องมีการทำงานที่สอดคล้องกันระหว่างพรีไบโอติกส์ และ โพรไบโอติกส์นั่นเอง
พรีไบโอติกส์ และ โพรไบโอติกส์ ช่วยอะไร?
หน้าที่หลักของพรีไบโอติกส์ คือการเป็นอาหารให้แก่โพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้นั่นเอง ส่วนโพรไบโอติกส์ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลักๆ ดังนี้
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
2. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
3. ป้องกันและรักษาโรคท้องเสีย
4. บรรเทาอาการท้องผูก
5. ลดการอักเสบ
6. ป้องกันโรคภูมิแพ้
7. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้
แหล่งอาหารที่มีพรีไบโอติกส์:
• ผัก: หน่อไม้ฝรั่ง กระเทียม หัวหอม กระเทียมต้น ข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา บร็อคโคลี่ เห็ด แครอท
• ผลไม้: กล้วย แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ส้ม มะเขือเทศ
• ธัญพืช: ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์
• ถั่ว: ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วลิสง
แหล่งอาหารที่มีโพรไบโอติกส์:
• อาหารหมักดอง
• นมเปรี้ยว
• อาหารเสริมต่างๆ
พรีไบโอติกส์มีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีผลต่อโพรไบโอติกแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันออกไป เช่น โพรไบโอติกส์บางชนิดอาจช่วยลดน้ำหนัก โพรไบโอติกส์บางชนิดอาจช่วยปรับอารมณ์และลดความเครียด ดังนั้นการเลือกทานพรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์ให้ถูกชนิด และเป็นชนิดที่สอดคล้องกัน ก็จะช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์ที่ตรงจุดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, โรงพยาบาลเมดพาร์ค
ที่มาภาพปก : freepik/katemangostar
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand