เนื้อวัวดิบ ทำไมจึงทานได้และวิธีเลือกทานให้ปลอดภัย

เนื้อวัวดิบ ทำไมจึงทานได้และวิธีเลือกทานให้ปลอดภัย

เนื้อวัว เป็นเนื้อสัตว์ยอดนิยมที่คนทานทั่วโลก ทานได้ทั้งแบบสุก กึ่งสุกกึ่งดิบ และสุก ต่างกันกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ อย่างเนื้อหมูและเนื้อไก่ ที่ไม่สามารถทานดิบได้เลย เพราะมีแบคทีเรียและเชื้อโรคสูงกว่า แล้วทำไมเนื้อวัว จึงสามารถกินดิบได้ แล้วคนที่ชอบทานเนื้อวัว ต้องเลือกทานอย่างไน จึงจะปลอดภัย?



สรุปข่าว

ทำไมเนื้อวัว จึงสามารถกินดิบได้ แล้วคนที่ชอบทานเนื้อวัว ต้องเลือกทานอย่างไน จึงจะปลอดภัย?

เนื้อวัว เป็นเนื้อสัตว์ยอดนิยมที่คนทานทั่วโลก ทานได้ทั้งแบบสุก กึ่งสุกกึ่งดิบ และสุก ต่างกันกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ อย่างเนื้อหมูและเนื้อไก่ ที่ไม่สามารถทานดิบได้เลย เพราะมีแบคทีเรียและเชื้อโรคสูงกว่า แล้วทำไมเนื้อวัว จึงสามารถกินดิบได้ แล้วคนที่ชอบทานเนื้อวัว ต้องเลือกทานอย่างไน จึงจะปลอดภัย?



ทำไมเนื้อวัว สามารถทานดิบได้

เนื้อวัวดิบเป็นส่วนประกอบสำคัญในหลายเมนูอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสเต็กแบบ "rare" ของตะวันตก เมนูยุกเกะของเกาหลี คาร์พัชโช ของอิตาลี หรือแม้แต่ลาบเนื้อดิบ หรือซอยจุสไตล์ไทย ที่เนื้อวัวกินดิบได้ เพราะมีโครงสร้างที่แน่น เชื้อโรคแทรกซึมผ่านไปได้ยาก โดยโครงสร้างเนื้อที่ว่านี้ ประกอบด้วย 

1. โครงสร้างเส้นใยแน่น 

เนื้อวัวประกอบด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อที่หนาแน่นและแข็งแรงกว่าเนื้อหมูและเนื้อไก่ ทำให้แบคทีเรียไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในเนื้อส่วนในได้ง่าย

2. การซึมผ่านของแบคทีเรียจำกัด

แบคทีเรียส่วนใหญ่จะอยู่เฉพาะบริเวณผิวด้านนอกของชิ้นเนื้อเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงส่วนในของชิ้นเนื้อที่ไม่ถูกตัดแต่ง

3. คอลลาเจนและโปรตีนโครงสร้าง

เนื้อวัวมีปริมาณคอลลาเจนและโปรตีนโครงสร้างสูง ซึ่งสร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติต่อการรุกรานของจุลินทรีย์

4. ความหนาแน่นของเนื้อ 

เนื้อวัวมีความหนาแน่นสูง โดยเฉพาะส่วนที่ไม่มีไขมันแทรก ทำให้มีพื้นที่ว่างน้อยสำหรับแบคทีเรียที่จะเจริญเติบโต

5. ออกซิเจนไม่สามารถแทรกซึม 

โครงสร้างที่แน่นหนาของเนื้อวัวยังป้องกันออกซิเจนไม่ให้เข้าถึงส่วนใน ซึ่งแบคทีเรียหลายชนิดต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโต



ข้อควรระวังในการทานเนื้อวัวดิบ

แม้ว่าเนื้อวัวดิบจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่และต้องระมัดระวัง ได้แก่

1. กลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง

บุคคลต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อวัวดิบ:

  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
  • ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป)
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคไต เบาหวาน

2. โรคที่มากับเนื้อดิบ

แม้จะเป็นเนื้อที่สามารถกินดิบได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่พบโรคเลย โรคที่เกิดจากการทานเนื้อวัวดิบที่ไม่สะอาด เช่น โรคแอนแทรกซ์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ที่ติดต่อจากสัตว์สู่คนได้จากสปอร์ของแบคทีเรีย

วิธีการเลือกและรับประทานเนื้อวัวดิบอย่างปลอดภัย

1. การเลือกซื้อ

  • ซื้อเนื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีมาตรฐาน หรือร้านเนื้อที่มีชื่อเสียง
  • เลือกเนื้อที่มีสีแดงสด ไม่มีกลิ่นผิดปกติ
  • ควรเลือกชิ้นเนื้อชั้นดี เช่น เนื้อสันใน หรือริบอาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้เนื้อบดในการรับประทานดิบ เพราะมีความเสี่ยงสูงกว่าเนื้อชิ้น
  • เลือกเนื้อที่ผ่านการรับรองเพื่อการบริโภคดิบในประเทศที่มีมาตรฐานสูง

2. การเตรียมและการเก็บรักษา

  • ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังการสัมผัสเนื้อ
  • ใช้เขียงและอุปกรณ์แยกต่างหากสำหรับเนื้อดิบ
  • เก็บเนื้อในอุณหภูมิที่เหมาะสม (ต่ำกว่า 4°C)
  • แช่แข็งเนื้อที่ -18°C เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนนำมาทำอาหารดิบ เพื่อลดความเสี่ยงจากปรสิต
  • ล้างผิวนอกของชิ้นเนื้อด้วยน้ำร้อนหรือลวกในน้ำเดือดเพียงเสี้ยววินาที เพื่อลดแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนที่ผิว
  • ตัดส่วนผิวนอกทิ้งก่อนนำมาทำอาหารดิบ

3. การปรุงและการเสิร์ฟ

  • ปรุงเนื้อดิบทันทีหลังการตัดแต่ง ไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานเกิน 2 ชั่วโมง
  • ในการทำเมนูเนื้อดิบ ควรใช้เนื้อสดใหม่ที่ซื้อในวันเดียวกัน
  • ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ เช่น พริกไทย กระเทียม หรือน้ำมะนาว
  • รับประทานทันทีหลังปรุงเสร็จ

ที่มาข้อมูล : TNN Health

ที่มารูปภาพ : Envato