เปิดวิธีลดน้ำหนักด้วยชาบู ลด 10 กิโล ใน 3 เดือน โดยนักโภชนาการญี่ปุ่น

เปิดวิธีลดน้ำหนักด้วยชาบู ลด 10 กิโล ใน 3 เดือน โดยนักโภชนาการญี่ปุ่น

เรมิ อาโซ นักโภชนาการชาวญี่ปุ่น ทดลองลดน้ำหนักด้วย “วิธีทานชาบู” ด้วยตนเอง สำเร็จภายใน 3 เดือน

เรมิ อาโซ นักโภชนาการชาวญี่ปุ่น ได้เปิดเผยประสบการณ์ตรงในการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เรียบง่ายและยั่งยืน นั่นคือ “การทานชาบู” หรืออาหารหม้อไฟญี่ปุ่น ที่เน้นการรับประทานผักสด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ โดยเธอได้ทดลองวิธีนี้ด้วยตนเองอย่างจริงจังเป็นระยะเวลา 3 เดือน และสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม

วิธีการลดน้ำหนักด้วยชาบูของเรมิ อาโซ

การทานชาบูนั้น เป็นการรับประทานอาหารที่ทำให้ผู้ทานสามารถเลือกวัตถุดิบเองได้ตามความชอบ โดยจะใช้หม้อไฟที่มีน้ำซุปใสเป็นฐาน และนำผักสดชนิดต่าง ๆ เช่น ผักกาดขาว เห็ด เห็ดชิเมจิ ผักบุ้ง และอื่น ๆ รวมถึงเนื้อสัตว์ประเภทไก่ หมู หรือเนื้อวัวไม่ติดมัน ลงไปลวกในน้ำซุปที่เดือด วิธีนี้ช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไว้ได้มาก อีกทั้งเป็นเมนูที่มีแคลอรีต่ำและอุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้อิ่มท้องได้นานโดยไม่ต้องรับพลังงานมากเกินไป

โดยเธอเลือกหลีกเลี่ยงน้ำจิ้มที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง รวมถึงเน้นการใช้ซอสถั่วเหลืองหรือพริกป่นแบบธรรมชาติแทน นอกจากนี้ เธอยังควบคุมปริมาณอาหารโดยไม่ทานจนเกินความต้องการของร่างกาย และให้ความสำคัญกับการกินอย่างช้า ๆ เพื่อให้สมองรับรู้ถึงความอิ่มได้อย่างเต็มที่

สรุปข่าว

เรมิ อาโซ นักโภชนาการชาวญี่ปุ่นได้เปิดเผยประสบการณ์ตรงในการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เรียบง่ายและยั่งยืน นั่นคือ “การทานชาบู” หรืออาหารหม้อไฟญี่ปุ่น ที่เน้นการรับประทานผักสด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ

เรมิ อาโซ นักโภชนาการชาวญี่ปุ่น ทดลองลดน้ำหนักด้วย “วิธีทานชาบู” ด้วยตนเอง สำเร็จภายใน 3 เดือน

เรมิ อาโซ นักโภชนาการชาวญี่ปุ่น ได้เปิดเผยประสบการณ์ตรงในการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เรียบง่ายและยั่งยืน นั่นคือ “การทานชาบู” หรืออาหารหม้อไฟญี่ปุ่น ที่เน้นการรับประทานผักสด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ โดยเธอได้ทดลองวิธีนี้ด้วยตนเองอย่างจริงจังเป็นระยะเวลา 3 เดือน และสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม

วิธีการลดน้ำหนักด้วยชาบูของเรมิ อาโซ

การทานชาบูนั้น เป็นการรับประทานอาหารที่ทำให้ผู้ทานสามารถเลือกวัตถุดิบเองได้ตามความชอบ โดยจะใช้หม้อไฟที่มีน้ำซุปใสเป็นฐาน และนำผักสดชนิดต่าง ๆ เช่น ผักกาดขาว เห็ด เห็ดชิเมจิ ผักบุ้ง และอื่น ๆ รวมถึงเนื้อสัตว์ประเภทไก่ หมู หรือเนื้อวัวไม่ติดมัน ลงไปลวกในน้ำซุปที่เดือด วิธีนี้ช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไว้ได้มาก อีกทั้งเป็นเมนูที่มีแคลอรีต่ำและอุดมด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้อิ่มท้องได้นานโดยไม่ต้องรับพลังงานมากเกินไป

โดยเธอเลือกหลีกเลี่ยงน้ำจิ้มที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง รวมถึงเน้นการใช้ซอสถั่วเหลืองหรือพริกป่นแบบธรรมชาติแทน นอกจากนี้ เธอยังควบคุมปริมาณอาหารโดยไม่ทานจนเกินความต้องการของร่างกาย และให้ความสำคัญกับการกินอย่างช้า ๆ เพื่อให้สมองรับรู้ถึงความอิ่มได้อย่างเต็มที่

ผลลัพธ์ที่ได้และข้อดีของวิธีนี้

ผลลัพธ์จากการทดลองของอาโซเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะเธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัมในเวลา 3 เดือนโดยไม่รู้สึกทรมานหรืออดอาหารอย่างเข้มงวดเหมือนวิธีลดน้ำหนักทั่วไป นอกจากนี้ยังพบว่าระดับพลังงานในชีวิตประจำวันดีขึ้น ความรู้สึกหิวลดลง และสุขภาพจิตโดยรวมดีขึ้นด้วย

การทานชาบูในลักษณะนี้ยังมีข้อดีที่ช่วยสร้างความสุขทางจิตใจ เพราะชาบูเป็นอาหารที่มักรับประทานร่วมกันกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ทำให้เกิดบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การทานอาหารในรูปแบบนี้ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ จากผักสดต่าง ๆ รวมถึงโปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ทำให้ร่างกายมีความสมดุลและฟื้นฟูได้ดี

ความสอดคล้องกับหลักโภชนาการญี่ปุ่นและแนวโน้มสุขภาพ

วิธีการของเรมิ อาโซสอดคล้องกับแนวคิดโภชนาการดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่เน้นการบริโภคอาหารสมดุล เน้นผักและโปรตีนคุณภาพดี และลดการบริโภคไขมันและน้ำตาลส่วนเกิน ซึ่งวิธีนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวงการสุขภาพทั่วโลก เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักได้จริง ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงยาวนาน

นอกจากนี้ การเลือกใช้วิธีนี้ยังตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ไม่อยากเผชิญกับความเครียดหรือผลข้างเคียงจากการอดอาหารหรือใช้สารเสริมลดน้ำหนักต่าง ๆ

การเผยแพร่และคำแนะนำจากเรมิ อาโซ

เรื่องราวของเรมิ อาโซได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสุขภาพญี่ปุ่นชื่อดัง Nutrition Today (栄養今日) ฉบับกรกฎาคม 2568 และเธอยังได้ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าว NHK World News ที่ออกอากาศเมื่อเดือนเดียวกัน โดยเธอได้เน้นย้ำว่าการเลือกทานอาหารที่ดีและวิธีการบริโภคที่เหมาะสม คือหัวใจสำคัญของการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

อาโซแนะนำว่าควรเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินทีละเล็กทีละน้อย เช่น เลือกทานผักสดมากขึ้น ลดการทานของทอดและอาหารแปรรูป รวมถึงควบคุมปริมาณอาหารโดยฟังสัญญาณความหิวและอิ่มของร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างพลังงานที่ได้รับและพลังงานที่ใช้ไป