
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยที่มีคนแชร์ว่า ถอนฟันคุด สามารถเก็บไว้ เนื่องจากมีเซลล์ต้นกำเนิด หรือ stem cell ที่อาจช่วยรักษาโรคได้ โดยระบุว่า เป็นข่าวที่บิดเบือน และยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
ถอนฟันคุดแล้วควรเก็บไว้ เพราะ Stem Cell ที่ราก สามารถนำกลับมารักษาตัวเราได้
ชัวร์หรือไม่หากหลงเชื่อข้อมูลสุขภาพข้างต้น …
สรุปข่าว
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยที่มีคนแชร์ว่า ถอนฟันคุด สามารถเก็บไว้ เนื่องจากมีเซลล์ต้นกำเนิด หรือ stem cell ที่อาจช่วยรักษาโรคได้ โดยระบุว่า เป็นข่าวที่บิดเบือน และยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
ถอนฟันคุดแล้วควรเก็บไว้ เพราะ Stem Cell ที่ราก สามารถนำกลับมารักษาตัวเราได้
ชัวร์หรือไม่หากหลงเชื่อข้อมูลสุขภาพข้างต้น …
ปัจจุบัน มีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันแล้วว่า ในเนื้อเยื่อฟันของฟันคุดมี Dental Pulp Stem Cells (DPSCs) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดแบบ Mesenchymal ที่มีศักยภาพในการพัฒนาไปเป็นเซลล์หลายชนิด เช่น เซลล์กระดูกและเซลล์ประสาท โดยประเทศไทยมีงานวิจัยระดับห้องทดลองและสัตว์ทดลองเกี่ยวกับ DPSCs ที่แสดงว่า DPSCs สามารถช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ (tissue regeneration) ได้ เช่น กระดูก หรือเนื้อเยื่อปริทันต์ (periodontium) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานเชิงคลินิกในไทยที่ใช้ Stem Cells จากฟันคุดในการรักษาโรคในมนุษย์จนเป็นมาตรฐาน และสำหรับต่างประเทศเริ่มมีงานวิจัยเชิงคลินิกเบื้องต้น เช่น การทดลองในโรคปริทันต์ แต่ยังไม่ใช่แนวทางรักษาที่ได้รับการยอมรับทั่วไป แม้งานวิจัยมีแนวโน้มดี แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า Stem Cells จากฟันคุดสามารถใช้รักษาทุกโรคได้ตามที่บางโฆษณาบอกไว้
ดังนั้น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ข้อมูลในหลายสื่อที่ว่า “เก็บฟันคุดไว้สามารถรักษาเราได้” แท้จริงแล้วนั้นยังไม่มีหลักฐานรองรับในเชิงคลินิกแต่อย่างใด
ตรวจสอบโดย สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
- นักวิจัยเผยกลไกร่างกายงูพบเซลล์ชนิดใหม่ช่วยในการย่อยกระดูกสมบูรณ์
- เกิดจากสาเหตุใด? งานวิจัยใหม่ล่าสุดพบ "มนุษย์" เกือบสูญพันธุ์
- RUN พร้อมแล้ว โชว์ผลงานวิจัยเด่นกว่า 19 ผลงาน จาก 8 มหาวิทยาลัยเครือข่ายฯ ในงาน "มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566"
- แถลงการณ์ ชี้แจง! ปมการตีพิมพ์งานวิจัย "อาจารย์พยาบาลฯ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์"
- มช.ตั้งกรรมการสอบ ปมอาจารย์ซื้อ "งานวิจัย" ใส่ชื่อตัวเองเคลมผลงาน
ที่มาข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ที่มารูปภาพ : CANVA
