การรักษารากฟันอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ดร.ซาเดีย เนียซี อาจารย์อาวุโสด้านเอ็นโดดอนต์จากคิงส์คอลเลจลอนดอน กล่าวว่า สุขภาพช่องปากเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพโดยรวม และไม่ควรมองฟันหรือโรคในช่องปากเป็นเรื่องแยกส่วน การรักษารากฟันเป็นหนึ่งในหัตถการที่พบได้บ่อยและมักเป็นที่กังวล 

แม้ว่าความกลัวส่วนใหญ่จะมาจากความเข้าใจผิดในอดีตช่วงที่ยาชายังไม่พัฒนา การรักษานี้ทำขึ้นเพื่อจัดการการติดเชื้อหรือความเสียหายที่เนื้อเยื่อโพรงประสาทฟัน ซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนภายในที่มีเส้นประสาท เส้นเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

จากผลสำรวจด้านสาธารณสุขในปี 2024 พบว่า มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ใหญ่ในอังกฤษเคยรับการรักษารากฟัน ตัวเลขนี้เพิ่มเป็น 50% ในกลุ่มอายุ 55–74 ปี ส่วนในสหรัฐอเมริกา มีการรักษารากฟันมากกว่า 15 ล้านครั้งต่อปี งานวิจัยนี้ติดตามผู้ป่วย 65 รายจากโรงพยาบาล Guy’s and St Thomas’ ในลอนดอนเป็นเวลาสองปีหลังเข้ารับการรักษา โดยเก็บตัวอย่างเลือดก่อนการรักษาและอีกสี่ครั้งหลังจากนั้น เพื่อดูว่าร่างกายผู้ป่วยจัดการกับน้ำตาล ไขมัน และสารอื่นๆ อย่างไร

การติดเชื้อในฟันที่เป็นมานานอาจทำให้แบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด และเมื่อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอาจเพิ่มการอักเสบและทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ชัดว่าการรักษารากฟันให้หายมีประโยชน์ต่อสุขภาพในวงกว้างหรือไม่ 

ผลการศึกษานี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Translational Medicine ยืนยันว่า หลังการรักษา มีความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในโมเลกุลในเลือดกว่าครึ่งหนึ่งที่วิเคราะห์ โดยพบทั้งการปรับตัวของการเผาผลาญไขมันในระยะสั้น การปรับตัวของระดับน้ำตาลในระยะยาว และตัวชี้วัดการอักเสบก็ลดลง

ประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ฟันซี่เดียว แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว โดยเฉพาะความเสี่ยงของโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและเบาหวาน หมอฟันย้ำว่าช่องปากคือประตูสำคัญสู่สุขภาพทั้งร่างกาย การดูแลสุขภาพฟัน การตรวจเช็กเป็นประจำ และการรักษาโรคให้เร็วที่สุดคือแนวทางที่ดีที่สุด 

งานวิจัยชี้ว่าสำคัญอย่างยิ่งในมุมมองระดับโลก เพราะมีประชากรถึง 3.7 พันล้านคนทั่วโลกที่มีโรคในช่องปากไม่ได้รับการรักษา และด้วยผลกระทบต่อสุขภาพกว้างขวางเช่นนี้ สุขภาพช่องปากควรถูกรวมไว้ในระบบการดูแลสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

ทั้งนี้ การศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง จาก University College London ยังพบผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันกับการครั้งนี้ โดยพบว่า การรักษาโรคเหงือกรุนแรงสามารถป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง โดยการรักษาช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากโรคเหงือก