สถานภาพ "แรงงานไทย" ปี 2568 เกินครึ่งไม่มีเงินเก็บ เกือบทุกคนมีหนี้

สถานภาพ "แรงงานไทย" ปี 2568 เกินครึ่งไม่มีเงินเก็บ เกือบทุกคนมีหนี้

แรงงานไทยปี 2568 มีแนวโน้มการเงินดีขึ้น เห็นได้จากการออมเพิ่ม หนี้นอกระบบลด และพฤติกรรมใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น อย่างไรก็ตาม แรงงานยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่ และการหางานใหม่ยังไม่ง่าย ขณะเดียวกัน วันแรงงานปีนี้มีเงินสะพัดสูงสุดในรอบ 5 ปี แม้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ

สรุปข่าว

แรงงานไทยปี 2568 แสดงสัญญาณการเงินดีขึ้น มีการออมเพิ่มเป็น 38.6% และหนี้นอกระบบลดลงจาก 3,653 บาท เหลือ 1,956 บาท แม้กระนั้น 97.9% ของแรงงานยังมีหนี้สิน โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ (82.9%) แรงงานส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 30,000-60,000 บาท (35.2%) และมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้ระมัดระวังมากขึ้น การปรับตัวนี้เป็นผลจากมาตรการภาครัฐ เช่น การแปลงหนี้นอกระบบและโครงการสนับสนุนรายได้ต่างๆ

แรงงานไทยปี 2568 มีแนวโน้มการเงินดีขึ้น เห็นได้จากการออมเพิ่ม หนี้นอกระบบลด และพฤติกรรมใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น อย่างไรก็ตาม แรงงานยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่ และการหางานใหม่ยังไม่ง่าย ขณะเดียวกัน วันแรงงานปีนี้มีเงินสะพัดสูงสุดในรอบ 5 ปี แม้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปี 2568 โดยเน้นกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท พบว่ามีสัญญาณบวกด้านการเงินของแรงงานไทย ทั้งในด้านการออมที่เพิ่มขึ้น หนี้นอกระบบลดลง และพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น แม้สภาพเศรษฐกิจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

สำหรับสัดส่วนรายได้ของแรงงายไทย ส่วนใหญ่ 35.2%.มีรายได้อยู่ที่ 30,000-60,000 บาท รองลงมาคือ 15,001-30,000 บาท (30.9%) 

สถานภาพหนี้แรงงานไทยพบว่า 97.9% ล้วนมีหนี้สินติดตัว แต่เป็นหนี้ในระบบเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเพิ่มขึ้น เป็น 82.9%

ผลสำรวจชี้ว่า แรงงานส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวในการบริหารรายได้ โดย 52.1% ใช้จ่ายเท่าที่หาได้ และ 25.5% ใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากปี 2567 อีกทั้งอัตราการออมก็เพิ่มขึ้นจาก 33.8% ในปี 2567 เป็น 38.6% ในปี 2568 สะท้อนพฤติกรรมที่เน้นความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น

ข้อมูลด้านหนี้สินพบว่า ยอดหนี้นอกระบบเฉลี่ยต่อเดือนลดลงจาก 3,653 บาทในปี 2567 เหลือเพียง 1,956 บาทในปีนี้ ขณะที่หนี้ในระบบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 7,503 เป็น 7,858 บาทต่อเดือน ทำให้ยอดหนี้รวมต่อเดือนลดลงจาก 9,295 เหลือ 8,407 บาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการภาครัฐ เช่น การแปลงหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ และการสนับสนุนด้านรายได้ อาทิ โครงการ “แจกเงินหมื่น” และ “คุณสู้ เราช่วย”

ที่มาข้อมูล : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ

ที่มารูปภาพ : Freepik