
นับแต่เหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าวไทยและกัมพูชา เคลื่อนไหวเร็วอย่างต่อเนื่อง
การเจรจาในวันที่ 29 พ.ค. แม้สองฝ่ายจะตกลงถอยทหารออกจากจุดปะทะ 200 เมตร แต่กลายเป็นว่า วันต่อมา รัฐบาลกัมพูชาประกาศจะไม่ถอยทหารออกจากพื้นที่เพราะ “เป็นจุดถือครอง” ก่อนลงนาม MOU43 และ “สามเหลี่ยมมรกต” เป็นของกัมพูชา
สรุปข่าว
นับแต่เหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าวไทยและกัมพูชา เคลื่อนไหวเร็วอย่างต่อเนื่อง
การเจรจาในวันที่ 29 พ.ค. แม้สองฝ่ายจะตกลงถอยทหารออกจากจุดปะทะ 200 เมตร แต่กลายเป็นว่า วันต่อมา รัฐบาลกัมพูชาประกาศจะไม่ถอยทหารออกจากพื้นที่เพราะ “เป็นจุดถือครอง” ก่อนลงนาม MOU43 และ “สามเหลี่ยมมรกต” เป็นของกัมพูชา
กัมพูชายังประกาศจะนำกรณีพิพาทชายแดนกับไทย ยื่นฟ้องต่อศาลโลก แม้รัฐบาลไทยยืนกรานว่า จะใช้กลไกของ JBC ในการเจรจา และสงครามจะเป็นหนทางสุดท้าย
ความคืบหน้าอื่น ๆ ที่ตามมา ทำให้มาตรการของไทยชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จากการยอมรับว่า ทหารกัมพูชาล้ำพื้นที่ชายแดน 200 เมตรจริง และไทยประกาศว่าไม่ยอมรับขอบเขตอำนาจของศาลโลก และพยายามเจรจากับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาแบบทวิภาคี
แต่เมื่อกัมพูชายืนกรานและออกแถลงการณ์ว่า จะไม่มีวันถอยทหารออกจากพื้นที่ช่องบก ทำให้รัฐบาลไทยและกองทัพบก ยกระดับมาตรการด้วยการควบคุมการเปิด-ปิด ด่านชายแดนติดกับกัมพูชา เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2568 กลายเป็นภาพความโกลาหลฝั่งกัมพูชา ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
และเพียง 1 วัน หลังการประกาศยกระดับมาตรการ ทหารกัมพูชาได้หารือกับทหารไทย และยอมถอยทหารกลับไปสู่จุดที่สถานการณ์ปกติ ปี 2567
อย่างไรก็ดี สมเด็จฮุน เซน ให้สัมภาษณ์สื่อยืนยันว่า แม้จะมีการปรับกำลังทหาร แต่กัมพูชาจะใช้กลไกศาลโลกในการจัดการข้อขัดแย้งดินแดนกับไทยต่อไป
ที่มาข้อมูล : TNN Online
ที่มารูปภาพ : TNN Online