
ข่าวปลอม คือข่าวที่ไม่มีมูลความจริง หรือ บางครั้งอาจมีการตัดแต่ง ต่อเติมข้อความให้บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ข่าวปลอมมักถูกสร้างขึ้นโดยมีเผ้าหมายเชิงลบ เช่นการทำลายชื่อเสียง ทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความปั่นป่วน และความตื่นตระหนก
แม้บางคราวจะไม่มีที่มา ที่ไป ชัดเจน แถมในบางประเด็นก็ยังเป็นเรื่องเกินจริง ไม่สมเหตุสมผล แต่ทำไมเราถึงเชื่อและแชร์ข่าวปลอม?

เหตุผลที่ Fake News ถูกแชร์ได้ง่าย เพราะมันเข้ากับธรรมชาติสมอง
นั่นเป็นเพราะสมองของมนุษย์มักชอบสิ่งคุ้นเคย ไม่อยากใช้พลังงานคิดมาก และ ถูกชักนำได้ง่ายด้วยภาพและอารมณ์ เมื่อรวมเข้ากับโครงสร้างโซเชียลมีเดียที่ตอกย้ำความเชื่อเดิม ข่าวปลอมมันจึงแพร่และฝังแน่นได้ง่ายกว่าข้อเท็จจริง
สมองคนเราทำงานอย่างไร เมื่อเจอข่าวปลอม
ในความเป็นจริงบางครั้งสมองของคนเราอาจเชื่อถือไม่ได้เมื่อต้องประมวลผลเพื่อถอดรหัสข่าวปลอม โดยเฉพาะการพาดหัวข่าว หรือ โพสต์เนื้อหาในโซเชียลมีเดีย ซ้ำๆ เพื่อย้ำให้เชื่อ นั่นหมายความว่าแม้คุณจะเป็นคนมีความรู้ มีตรรกะ และ เหตุผลสูง ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกข่าวปลอมหลอกได้เช่นกัน หากต้องเอกับข่าวย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ
นอกจากนี้นักวิจัยพบว่าคนเรามีความเสี่ยงที่จะมีอคติเมื่อบริโภคข่าวและโซเชียลมีเดีย ที่มีการเผยแพร่ข่าวปลอม
สรุปข่าว
ข่าวปลอม คือข่าวที่ไม่มีมูลความจริง หรือ บางครั้งอาจมีการตัดแต่ง ต่อเติมข้อความให้บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ข่าวปลอมมักถูกสร้างขึ้นโดยมีเผ้าหมายเชิงลบ เช่นการทำลายชื่อเสียง ทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความปั่นป่วน และความตื่นตระหนก
แม้บางคราวจะไม่มีที่มา ที่ไป ชัดเจน แถมในบางประเด็นก็ยังเป็นเรื่องเกินจริง ไม่สมเหตุสมผล แต่ทำไมเราถึงเชื่อและแชร์ข่าวปลอม?

เหตุผลที่ Fake News ถูกแชร์ได้ง่าย เพราะมันเข้ากับธรรมชาติสมอง
นั่นเป็นเพราะสมองของมนุษย์มักชอบสิ่งคุ้นเคย ไม่อยากใช้พลังงานคิดมาก และ ถูกชักนำได้ง่ายด้วยภาพและอารมณ์ เมื่อรวมเข้ากับโครงสร้างโซเชียลมีเดียที่ตอกย้ำความเชื่อเดิม ข่าวปลอมมันจึงแพร่และฝังแน่นได้ง่ายกว่าข้อเท็จจริง
สมองคนเราทำงานอย่างไร เมื่อเจอข่าวปลอม
ในความเป็นจริงบางครั้งสมองของคนเราอาจเชื่อถือไม่ได้เมื่อต้องประมวลผลเพื่อถอดรหัสข่าวปลอม โดยเฉพาะการพาดหัวข่าว หรือ โพสต์เนื้อหาในโซเชียลมีเดีย ซ้ำๆ เพื่อย้ำให้เชื่อ นั่นหมายความว่าแม้คุณจะเป็นคนมีความรู้ มีตรรกะ และ เหตุผลสูง ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกข่าวปลอมหลอกได้เช่นกัน หากต้องเอกับข่าวย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ
นอกจากนี้นักวิจัยพบว่าคนเรามีความเสี่ยงที่จะมีอคติเมื่อบริโภคข่าวและโซเชียลมีเดีย ที่มีการเผยแพร่ข่าวปลอม
5 ปัจจัยที่กระตุ้นให้เราแชร์ข่าวปลอม
ข้อมูลวิจัยจาก หนังสือวิชาการออนไลน์ The Psychology of Fake News วิเคราะห์ปัจจัยทางจิตวิทยาที่ทำให้เราเชื่อและแบ่งปันข้อมูลที่ผิดรวมถึงความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด ประกอบไปด้วย 5 ปัจจัย
1.ปรากฏการณ์ความจริงลวงตา (Illusory Truth Effect)
ข้อมูลซ้ำๆ แม้จะเป็นเท็จ ก็ทำให้สมองรู้สึก “คุ้นเคย” และยอมรับว่าเป็นจริง
ปรากฏการณ์ความจริงลวงตา (illusory truth effect)เกิดขึ้นได้ทั้งกับข้อมูลที่เป็นจริงและข้อมูลเท็จ จึงมักถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยเจตนาเพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นสาธารณะ
ผลกระทบจาก “ความจริงลวงตา” สามารถสร้าง มีม ทางวัฒนธรรม และความเข้าใจผิดได้
2. อำนาจของ “ภาพถ่ายและการเล่าเรื่อง”
ภาพถ่ายหรือภาพประกอบทำให้สมองเชื่อมโยงเหตุการณ์กับ “ความจริง” ได้ง่ายขึ้น
ภาพไม่ได้ทำให้ข้อมูลจริงขึ้น แต่ทำให้คน จินตนาการว่ามันเป็นจริง
งานวิจัยของ ดร.เอริน นิวแมน ชี้ว่า แม้เพียง 10% ของผู้คนที่บอกว่าภาพเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ ผลทางอารมณ์ ของภาพทำให้ข่าวปลอมฝังลึกขึ้น
3. อัลกอริทึมและ “ฟองสบู่” (Filter Bubbles)
ระบบการเลือกเนื้อหาของโซเชียลมีเดียมักเลือกเนื้อหาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและรสนิยมเราขึ้นมายังหน้า Feed
ผู้ใช้จึงมักเจอข้อมูลซ้ำในทิศทางเดียว เป็นการตอกย้ำความเชื่อเดิม และทำให้ไม่ได้เจอมุมมองใหม่ ซึ่งโครงกสร้าง และ ระบบการทำงานของโซเชียลมีเดีย ยังทำให้ข่าวปลอมกระจายเร็วและมีน้ำหนักมากขึ้น
4. การคิดแบบ Heuristic (ทางลัดทางจิต)
มนุษย์ใช้ “ทางลัด” เพื่อประหยัดเวลาในการคิด ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด เช่น ถ้าเพื่อนแชร์ข้อมูลอะไรมา เรามักคิดว่าเชื่อถือได้ หรือถ้าข่าวตรงกับความเชื่อเดิมจะรับข้อมูลทันทีโดยไม่ตั้งคำถาม
5. แรงกดดันทางสังคมและอารมณ์ร่วม
คนแชร์ข่าวปลอมบางส่วน เพราะอยาก เข้ากับกลุ่ม หรือ แสดงจุดยืน ซึ่งข่าวปลอมจำนวนมากถูกออกแบบมาให้กระตุ้น ความโกรธ ความกลัว หรือความหวัง ซึ่งทำให้ถูกแชร์เร็วกว่า
เราควรรับมือกับข่าวปลอมอย่างไร?
ฝึกการตั้งคำถามไว้ก่อนเสมอไม่ว่าเจอกับข้อมูลหรือข่าวอะไรก็ตาม รวมถึงตรวจสอบที่มาของข้อมูล แหล่งอ้างอิง หรือ ที่เรียกว่าทฤษฎีการฉีดวัคซีน (Inoculation Theory ) หมายความว่าต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองในการรับมือข่าวปลอม
แล้วหากเราตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมล่ะ เราอาจใช้วิธีหนายยอกเอาหนามบ่ง เมื่อเราต้องแก้ไขข่าวเท็จด้วยความจริง เราควรใช้การตอกย้ำในเชิงบวก หรือ การทำซ้ำข้อมูลจริงพร้อมระบุว่าอะไรคือเท็จ อะไรคือจริง เพื่อลดโอกาสเชื่อข่าวปลอม
- AI ปลุกวิกฤตข่าวลวง Cofact + สูตร 3 ชั้น คือเกราะป้องกันทางดิจิทัลของคนไทย
- ฟินแลนด์สอนเด็กจับโป๊ะข่าวปลอมตั้งแต่อนุบาล หวังให้เด็กรู้เท่าทันสื่อ
- เตือน 10 ข่าวปลอมอาชญากรรมออนไลน์ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ-อย่าแชร์
- รัฐบาลชี้ “ไมเคิล อัลฟาโร” ไม่ใช่นักข่าวทำเนียบขาว ปล่อยเฟคนิวส์ขัด GBC
- กองทัพภาค 2 ชี้แจงกัมพูชาปลดรั้วลวดหนาม - ธงชาติไทย “ข่าวปลอม”
- ข่าวปลอมชวนลงทุน จากกลยุทธ์ดิจิทัลสู่บาดแผลทางการเงินของผู้บริโภค
- ปลุกอารมณ์-ข่าวปลอม อินฟลูเอนเซอร์ในห้วงความขัดแย้ง เกิดขึ้นได้อย่างไร ควรมีกฎหมายกำกับหรือไม่ ?
ที่มาข้อมูล : Psychology today , H Focus , The Psychology of Fake News
ที่มารูปภาพ : REUTERS , TNN
