Rare Earth สำคัญอย่างไร? ในสงครามเทคโนโลยี จีน - สหรัฐฯ

Rare Earth  สำคัญอย่างไร?  ในสงครามเทคโนโลยี จีน - สหรัฐฯ

Rare Earth เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจเทคโนโลยีโลก  เพราะทุกวันนี้ Rare Earth คือหัวใจของสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ระบบนำทาง รวมถึงระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูงของโลก 

โดยเฉพาะการเดินเกมของสหรัฐอเมริกาในการลงนามข้อตกลงการค้าและแร่หายากหลายฉบับกับ 4 ประเทศคู่ค้าในอาเซียนรวมถึงไทย เพื่อสร้างความร่วมมือพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมความมั่นคงเศรษฐกิจและการลงทุนใน Rare Earth

ท่าทีของสหรัฐฯ ตอกย้ำถึงความสำคัญของ Rare Earth ในสมรภูมิอำนาจใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งไทยอาจมีโอกาสก้าวเข้าสู่เวทีนี้ด้วย



สรุปข่าว

การเดินเกมของสหรัฐอเมริกาในการลงนามข้อตกลงการค้าและแร่หายากหลายฉบับกับ 4 ประเทศคู่ค้าในอาเซียนรวมถึงไทย เพื่อสร้างความร่วมมือพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมความมั่นคงเศรษฐกิจและการลงทุนใน Rare Earth ท่าทีของสหรัฐฯ ตอกย้ำถึงความสำคัญของ Rare Earth ในสมรภูมิอำนาจใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งไทยอาจมีโอกาสก้าวเข้าสู่เวทีนี้ด้วย

Rare Earth เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจเทคโนโลยีโลก  เพราะทุกวันนี้ Rare Earth คือหัวใจของสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ระบบนำทาง รวมถึงระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูงของโลก 

โดยเฉพาะการเดินเกมของสหรัฐอเมริกาในการลงนามข้อตกลงการค้าและแร่หายากหลายฉบับกับ 4 ประเทศคู่ค้าในอาเซียนรวมถึงไทย เพื่อสร้างความร่วมมือพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมความมั่นคงเศรษฐกิจและการลงทุนใน Rare Earth

ท่าทีของสหรัฐฯ ตอกย้ำถึงความสำคัญของ Rare Earth ในสมรภูมิอำนาจใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งไทยอาจมีโอกาสก้าวเข้าสู่เวทีนี้ด้วย



Rare Earth คืออะไร?

แร่ Rare Earth คือกลุ่มของธาตุที่มีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกัน 17 ชนิด มีความสำคัญในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจำนวนมาก

-เป็นกลุ่มธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษ 

-เป็นส่วนประกอบสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ 

- แร่ Rare Earth ไม่ได้หายากในธรรมชาติเหมือนชื่อ หากแต่การสกัดและทำให้บริสุทธิ์นั้นทำได้ยากและซับซ้อน




ใครถือครอง Rare Earth มากที่สุด

ทั่วโลกมีปริมาณสำรอง Rare Earth ราว 120 ล้านตัน โดย จีน และ บราซิล ถือครองรวมกันมากกว่า 60% 


1.จีน  44  ล้านตัน 

2.บราซิล 21 ล้านตัน

3.อินเดีย 6.9 ล้านตัน

4.ออสเตรเลีย 5.7 ล้านตัน

5.รัสเซีย 3.8 ล้านตัน

6เวียดนาม 3.5 ล้านตัน

7สหรัฐอเมริกา 1.9ล้านตัน

8กรีนแลนด์ 1.5 ล้านตัน

9แทนซาเนีย 0.9 ล้านตัน

10แอฟริกาใต้ 0.9 ล้านตัน


**ปริมาณสำรองแร่หายาก  หน่วยเป็นล้านตันของ REO


Rare Earth มีความสำคัญอย่างไร

แรร์เอิร์ธ คือหัวใจของเทคโนโลยียุคใหม่  การควบคุมแร่แรร์เอิร์ธที่เข้มงวดขึ้นของจีนกลายเป็นแรงผลักดันให้สหรัฐต้องเร่งหาแหล่งแร่หายาก ทั้งภายในประเทศตัวเองและจากประเทศพันธมิตร

แรร์เอิร์ธ ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีหลากหลายประเภท 

• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์

• เทคโนโลยีพลังงานสะอาด  รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม แบตเตอรี่ แม่เหล็ก

• เทคโนโลยีทางการแพทย์ เครื่อง MRI เลเซอร์

• อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อาวุธยุทโธปกรณ์ ระบบนำทาง


Rare Earth โอกาส หรือ ความเสี่ยงของไทย 


โอกาส 

1.ดึงดูดเงินลงทุนมหาศาลจากสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน

2. ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากสหรัฐฯ

3. ช่วยยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด จาก “ผู้ผลิตชิ้นส่วน” เป็น “ศูนย์กลางการผลิตฯ 

4. เสริมสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์ของไทย - ช่วยเพิ่มน้ำหนักต่อรองในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ


ความเสี่ยง

1.แร่แรร์เอิร์ธมักปนเปื้อน ทอเรียมและยูเรเนียม ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี
2.หากของเสียเหล่านี้ รั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ จะทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลต่อสุขภาพของชุมชนและระบบนิเวศโดยรอบ
3.รายงานจาก Global Witness (พ.ศ. 2565) พบแหล่งขุดกว่า 2,700 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เท่าประเทศสิงคโปร์
4.ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรณีศึกษาในต่างประเทศพบเหมืองแร่แรร์เอิร์ธส่งผลให้แหล่งน้ำสะอาดหายาก และสัตว์น้ำท้องถิ่นเริ่มสูญพันธุ์


“Rare Earth” หรือแร่หายาก กำลังกลายเป็นทรัพยากรที่หากใครครอบครองก็เหมือนถือกุญแจสู่อนาคต

แต่ระหว่างการแข่งขันของสองมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ 

ไทยอาจได้รับโอกาสจากเกมนี้หากรู้จักวางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ แต่ถ้าเรามองเพียงผลตอบแทนระยะสั้นจาก “ทรัพยากรยุทธศาสตร์” อาจกลายเป็น “จุดเปราะบาง” ของชาติในระยะยาวก็เป็นได้

ที่มาข้อมูล : Global Witness , BBC Thai , USGS

ที่มารูปภาพ : Reuters