
วันนี้ (13 ส.ค.68) มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 44 ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีและมอบโล่รางวัล ร่วมด้วย ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม , ศาสตราจารย์ ดร. จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น และผู้ที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ศาสตราจารย์ ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น กล่าวว่า การวิจัยขั้นแนวหน้า” (Frontier Research) เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกประเทศไทย ให้ก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ยกตัวอย่างประเทศเกาหลีใต้ ที่ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงมากกว่า 5% ของ GDP และมีสิทธิบัตรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ส่งผลให้ GDP ต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่า 130 เท่า ภายใน 50 ปี ขณะที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียง 26 เท่าในช่วงเดียวกัน
สรุปข่าว
วันนี้ (13 ส.ค.68) มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 44 ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีและมอบโล่รางวัล ร่วมด้วย ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม , ศาสตราจารย์ ดร. จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น และผู้ที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ศาสตราจารย์ ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น กล่าวว่า การวิจัยขั้นแนวหน้า” (Frontier Research) เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกประเทศไทย ให้ก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ยกตัวอย่างประเทศเกาหลีใต้ ที่ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงมากกว่า 5% ของ GDP และมีสิทธิบัตรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ส่งผลให้ GDP ต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่า 130 เท่า ภายใน 50 ปี ขณะที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียง 26 เท่าในช่วงเดียวกัน
นอกจากนี้ จากฐานข้อมูลผู้นำการวิจัยของ “Nature Index Research Leaders” ยังพบว่าไทยมีส่วนร่วมด้าน "การวิจัยขั้นแนวหน้า” เพียง 10% ของประเทศสิงคโปร์ และไม่ถึง 5% ของประเทศเกาหลีใต้
ดังนั้น การเพิ่มร้อยละของ GDP สำหรับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีเป้าหมายการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ พลังงานและสิ่งแวดล้อม วัสดุขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกที่จัดอันดับโดย “MIT Technology Review” ที่ระบุถึง 10 เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกในปี 2568
“วันนี้ โลกหมุนไปข้างหน้าด้วย Artificial intelligence (AI) พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีชีวภาพแต่ประเทศไทยยังคงมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (ร้อยละของ GDP) ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคทซึ่งการทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่หวัง “ผลลัพธ์ที่แตกต่าง” จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ และแทบหมดหวังหากคิดจะสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเปลี่ยนโลก ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง “ทุ่มสุดตัว” ในการ “ลงทุนกับสมองของชาติ มุ่งเน้นการพัฒนาทุนมนุษย์และวิทยาการที่เป็นแก่นสำคัญของการพัฒนาประเทศ” อย่างจริงจัง เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลก ให้ประเทศไทยสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ศาสตราจารย์ ดร.จำรัส กล่าวในตอนท้าย
สำหรับ ผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2568 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท ได้แก่
ศาสตราจารย์ (เชี่ยวชาญพิเศษ) ดร. ทันตแพทย์หญิง สิริพร ฉัตรทิพากร ภาควิชาชีววิทยาช่องปากและวิทยาการวินิจฉัยโรคช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ หน่วยสรีรวิทยาระบบประสาท ภายใต้ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากผลงานวิจัย “พยาธิสรีรวิทยาของระบบประสาทด้านการบกพร่องการเรียนรู้และความจำ: จากแบบจำลองสัตว์สู่การศึกษาทางคลินิก” งานวิจัยเชิงลึกที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงผู้ป่วยทางคลินิก โดยมุ่งศึกษาพยาธิสภาพของสมองในผู้ที่มีภาวะบกพร่องด้านการเรียนรู้และความจำ หรือภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลากหลาย เช่น ภาวะอ้วนลงพุง ภาวะชราภาพ ภาวะหัวใจขาดเลือด และการใช้ยาเคมีบำบัด
งานวิจัยยังมุ่งเน้นการค้นหาวิธีการรักษาใหม่และตัวบ่งชี้ชีวภาพ (biomarkers) ที่สามารถนำไปใช้ในทางคลินิกได้ โดยใช้หลักการวิจัยแบบองค์รวม “จากเซลล์สู่ผู้ป่วยทางคลินิก (cell-to-bedside)” ซึ่งเชื่อมโยงงานวิจัยพื้นฐานด้านชีววิทยาระดับโมเลกุล ระบบไฟฟ้าสมอง และกลไกการเรียนรู้และความจำ เข้ากับการประยุกต์ใช้จริงในผู้ป่วย ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการป้องกันและรักษาภาวะสมองเสื่อมในอนาคต
หนึ่งในงานวิจัยที่โดดเด่นคือ การศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างภาวะอ้วนลงพุงกับการเสื่อมของสมอง การบริโภคอาหารไขมันสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้เกิดการสูญเสียความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ (gut dysbiosis) มีการกระตุ้นการอักเสบในทางเดินอาหาร การสะสมของไขมันในร่างกาย นำไปสู่ภาวะอักเสบระดับต่ำทั่วร่างกาย (systemic low-grade inflammation) ภาวะดื้อต่ออินซูลินทั้งในร่างกายและในเซลล์ประสาท ความผิดปกติของไมโทคอนเดรียในเซลล์สมอง การทำงานผิดปกติของเซลล์ไมโครเกลียในสมอง ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำ การมีภาวะอ้วนลงพุงเรื้อรังยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของภาวะสมองเสื่อม

ที่สำคัญงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การลดภาวะอ้วนลงพุง ไม่ว่าจะโดยการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร หรือการใช้ยาต้านเบาหวาน สามารถฟื้นฟูการทำงานของสมอง และช่วยเสริมการเรียนรู้และความจำได้อย่างมีนัยสำคัญ
รางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2568 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลท่านละ 100,000 บาท ได้แก่
1. ดร. สมาพร ติญญนนท์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) “ผู้พัฒนาการสังเกตการณ์และสร้างอุปกรณ์ดาราศาสตร์ เพื่อศึกษาวิวัฒนาการและการสิ้นอายุขัยของดาวฤกษ์มวลมาก”
2. ดร. ศิรสิทธิ์ ศรีนวลปาน ศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “ผู้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรียในด้านการเกษตร อาหาร พลังงานและสิ่งแวดล้อม”





- วิจัยเตือน ! เด็กมีสมาร์ตโฟนก่อนอายุ 13 เสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตในอนาคต
- ดาวเทียมสร้างแผนที่ควันไฟแบบ 3 มิติ แจ้งเตือนคุณภาพอากาศในชุมชุนได้ดียิ่งขึ้น
- ทำไมบางคน "เมารถยนต์ไฟฟ้า" เวียนหัวคลื่นไส้ ทั้งที่ไม่เคยเมารถมาก่อน?
- กล้อง Vera C. Rubin เผยขนาด 3I/ATLAS วัตถุต่างดาวขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ
- นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นตัดโครโมโซมต้นเหตุดาวน์ซินโดรมสำเร็จ
- นักวิจัยเผยกลไกร่างกายงูพบเซลล์ชนิดใหม่ช่วยในการย่อยกระดูกสมบูรณ์
- นักวิจัยพบดาวยูเรนัสมีอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นเปิดทางสู่ภารกิจสำรวจดาวดวงใหม่
ที่มาข้อมูล : มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
ที่มารูปภาพ : มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
