
ผบ.ตร.กำชับเข้มแผนพิทักษ์ส่วนหลัง ส่งกำลัง ตชด.หนุนทหารแนวหน้า สกัดความเสี่ยงพื้นที่ชายแดน
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ยังคงกดดันต่อเนื่อง ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องขยับมาตรการด้านความมั่นคงในพื้นที่หลังแนวปะทะอย่างจริงจัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ประชุมติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนสั่งเดินหน้า “แผนพิทักษ์ส่วนหลัง” อย่างเข้มข้น
จัด ตชด.เป็นกำลังหลักสนับสนุนแนวหน้า ดูแลความปลอดภัยชายแดน
ผบ.ตร.กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการสนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดนเคียงข้างกองทัพ ทั้งในภารกิจเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง การเคลื่อนย้ายครู–นักเรียน โรงเรียน ตชด. และการอำนวยความปลอดภัยแก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ
พร้อมกันนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 และภาค 3 ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมแนวชายแดนได้รับคำสั่งให้เตรียมกำลังสำรองเข้าหนุนช่วยทันทีเมื่อได้รับร้องขอ โดยทุกหน่วยต้องเพิ่มระดับความเข้มงวดในการปฏิบัติ พร้อมออกตรวจตราทรัพย์สินและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ที่ต้องอพยพเพื่อป้องกันเหตุไม่สงบ
สรุปข่าว
ผบ.ตร.กำชับเข้มแผนพิทักษ์ส่วนหลัง ส่งกำลัง ตชด.หนุนทหารแนวหน้า สกัดความเสี่ยงพื้นที่ชายแดน
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ยังคงกดดันต่อเนื่อง ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องขยับมาตรการด้านความมั่นคงในพื้นที่หลังแนวปะทะอย่างจริงจัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ประชุมติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนสั่งเดินหน้า “แผนพิทักษ์ส่วนหลัง” อย่างเข้มข้น
จัด ตชด.เป็นกำลังหลักสนับสนุนแนวหน้า ดูแลความปลอดภัยชายแดน
ผบ.ตร.กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักในการสนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดนเคียงข้างกองทัพ ทั้งในภารกิจเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง การเคลื่อนย้ายครู–นักเรียน โรงเรียน ตชด. และการอำนวยความปลอดภัยแก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ
พร้อมกันนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 และภาค 3 ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมแนวชายแดนได้รับคำสั่งให้เตรียมกำลังสำรองเข้าหนุนช่วยทันทีเมื่อได้รับร้องขอ โดยทุกหน่วยต้องเพิ่มระดับความเข้มงวดในการปฏิบัติ พร้อมออกตรวจตราทรัพย์สินและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ที่ต้องอพยพเพื่อป้องกันเหตุไม่สงบ
ยกระดับการคุ้มครองประชาชนช่วงอพยพกว่า 110,000 ราย
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ตำรวจในพื้นที่ชายแดน อาทิ สระแก้ว อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองและจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงมากกว่า 110,000 ราย โดยจัดกำลังตำรวจรวมกว่า 4,200 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิงทุกแห่ง
มาตรการดังกล่าวครอบคลุมการจัดเส้นทางหลัก–รอง เส้นทางการแพทย์ และแนวส่งกำลังบำรุง เพื่อไม่ให้การช่วยเหลือประชาชนสะดุดในช่วงสถานการณ์วิกฤต
จับตาสถานการณ์–คุมภัยแฝง เข้มสอดส่องบุคคลต้องสงสัย
พล.ต.อ.สำราญเน้นย้ำให้ตำรวจทุกพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานปฏิบัติกับกองทัพ หน่วยท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อป้องกันเหตุไม่สงบ รวมถึงตรวจตราบุคคลต้องสงสัยที่อาจแทรกซึมเข้ามาก่อความวุ่นวายในพื้นที่
พร้อมกันนี้ ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือหรือพบเบาะแสสำคัญสามารถแจ้งได้ทางสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
- ทภ. 2 นำผู้สื่อข่าวตปท. ลงพื้นที่ศูนย์อพยพสุรินทร์ ดูความเสียหายจาก BM-21
- ทอ.เปิดปฏิบัติการ F-1 ทำลายคลังอาวุธกัมพูชาฝั่งตรงข้ามหนองจาน
- สรุปสถานการณ์ชายแดน ทหารไทยพลีชีพ 4 นาย - ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 61
- กองกำลังบูรพาควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผงได้บางส่วน เตรียมวางรั้วลวดหนาม
- เจาะจุดยุทธศาสตร์ชายแดนไทย–กัมพูชา กับไทม์ไลน์สู้รบ 7–9 ธ.ค. 68
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
บรรณาธิการออนไลน์
