เมื่อแชมป์ พรีเมียร์ลีก ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ!

เมื่อแชมป์ พรีเมียร์ลีก ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ!

ในที่สุดการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็จบลงอย่างเป็นทางการ! หลังจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ไปแบบขาดลอย 5-1 ในเกมที่ 34 ของฤดูกาล ส่งผลให้ "หงส์แดง" ทำแต้มทิ้งห่าง "เดอะ กันเนอร์ส" อาร์เซนอล ออกไปเป็น 15 คะแนน แต่ว่าเหลือโปรแกรมลงแข่งขันอีกเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น

ผลงานที่ผ่านมา 34 นัดในซีซั่นนี้ "หงส์แดง" เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 82 คะแนน จากการคว้าชัย 25 นัด, เสมอ 7 นัด และแพ้ไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังเป็นทีมที่มีสถิติการพังประตูดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก โดยซัดไปแล้วทั้งหมด 80 ประตู(เฉลี่ยเกมละ 2.35 ประตู) มากกว่าทีมที่มีเกมรุกจัดจ้านอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 14 ประตู และเยอะกว่า "รองจ่าฝูง" อาร์เซนอล ที่พยายามไล่กดดันอย่างต่อเนื่อง 17 ประตู

ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ "พรีเมียร์ลีก" มาครองเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากฤดูกาล 2019-20 และนับเป็นการครองแชมป์ "ลีกสูงสุด" สมัยที่ 20 เมื่อนับรวมถ้วยใบเดิมอย่าง "ดิวิชั่น 1" นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังคว้าโทรฟี่แชมป์มาครองได้เป็นใบที่ 52 ของสโมสร ประกอบด้วย แชมป์ลีกสูงสุด 20 ครั้ง, เอฟเอ คัพ 8 ครั้ง, ลีกคัพ 10 ครั้ง, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก(ยูโรเปี้ยนคัพ) 6 ครั้ง, ยูฟ่า คัพ(ยูโรป้า) 3 ครั้ง, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 4 ครั้ง และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 ครั้ง  



สรุปข่าว

แต่ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่แฟนบอลทุกคนต้องการมันคือ "ความสำเร็จ" และ "โทรฟี่แชมป์" หาใช่เหตุผลว่า "ไก่กับไข่" อะไรมันเกิดก่อนกัน .... ดังนั้นคงไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบในฤดูกาลนี้ เพราะว่าภาระกิจของ ชล็อท มันจบลงแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ!

ในที่สุดการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็จบลงอย่างเป็นทางการ! หลังจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ไปแบบขาดลอย 5-1 ในเกมที่ 34 ของฤดูกาล ส่งผลให้ "หงส์แดง" ทำแต้มทิ้งห่าง "เดอะ กันเนอร์ส" อาร์เซนอล ออกไปเป็น 15 คะแนน แต่ว่าเหลือโปรแกรมลงแข่งขันอีกเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น

ผลงานที่ผ่านมา 34 นัดในซีซั่นนี้ "หงส์แดง" เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 82 คะแนน จากการคว้าชัย 25 นัด, เสมอ 7 นัด และแพ้ไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังเป็นทีมที่มีสถิติการพังประตูดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก โดยซัดไปแล้วทั้งหมด 80 ประตู(เฉลี่ยเกมละ 2.35 ประตู) มากกว่าทีมที่มีเกมรุกจัดจ้านอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 14 ประตู และเยอะกว่า "รองจ่าฝูง" อาร์เซนอล ที่พยายามไล่กดดันอย่างต่อเนื่อง 17 ประตู

ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ "พรีเมียร์ลีก" มาครองเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากฤดูกาล 2019-20 และนับเป็นการครองแชมป์ "ลีกสูงสุด" สมัยที่ 20 เมื่อนับรวมถ้วยใบเดิมอย่าง "ดิวิชั่น 1" นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังคว้าโทรฟี่แชมป์มาครองได้เป็นใบที่ 52 ของสโมสร ประกอบด้วย แชมป์ลีกสูงสุด 20 ครั้ง, เอฟเอ คัพ 8 ครั้ง, ลีกคัพ 10 ครั้ง, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก(ยูโรเปี้ยนคัพ) 6 ครั้ง, ยูฟ่า คัพ(ยูโรป้า) 3 ครั้ง, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 4 ครั้ง และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 ครั้ง  



ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ อาร์เน่อ ชล็อท นายใหญ่ชาวดัตช์ สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ก่อนจบฤดูกาล 4 นัด แต่ว่ายังช้ากว่าในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือสายบู๊ชาวเยอรมัน อยู่ทั้งหมด 3 นัด เพราะว่าในฤดูกาล 2019-20 "หงส์แดง" คว้าแชมป์ได้ตั้งแต่จบเกมสัปดาห์ที่ 31 โดยเหลือโปรแกรมที่ต้องลงสนามอีก 7 เกม

34 สัปดาห์ที่ผ่านมา "หงส์แดง" สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอ โดยสามารถขึ้นไปรั้งเป็น "จ่าฝูง" ได้ทั้งหมด 28 สัปดาห์ แบ่งเป็นช่วงแรก 3 สัปดาห์(สัปดาห์ที่ 6-8) และช่วงที่ 2 ยาวนานถึง 24 สัปดาห์ นับตั้งแต่จบเกมสัปดาห์ที่ 10 มาจนถึงสัปดาห์ล่าสุด(34) ซึ่งในปีนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้(5 สัปดาห์) และ ไบร์ทตันฯ(1 สัปดาห์) เป็นเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เคยขึ้นไปยึดตำแหน่ง "จ่าฝูง"

อาร์เน่อ ชล็อท ผู้จัดการทีมคนใหม่ชาวดัตช์ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 10 ของสโมสร "หงส์แดง" ที่สามารถพาทีมผงาดคว้าแชมป์ "ลีกสูงสุด" มาครองได้สำเร็จ ต่อจาก ทอม วัตสัน(2 สมัย), เดวิด แอชเวิร์ธ(1 สมัย), แม็ตต์ แม็คควีน(1 สมัย), จอร์ช เคย์(1 สมัย), บิลล์ แชงค์ลี่ย์(3 สมัย), บ๊อบ เพสลี่ย์(6 สมัย), โจ เฟแกน(1 สมัย), เคนนี่ ดัลกลิช(3 สมัย) และ เยอร์เก้น คลอปป์(1 สมัย) 




นอกจากนี้ อาร์เน่อ ชล็อท ยังเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 6 ที่พาทีมคว้าแชมป์ "พรีเมียร์ลีก" ได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาคุมทัพปีแรก ต่อจาก 5 ยอดฝีมืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่(เชลซี), คาร์โล อันเชล็อตติ(เชลซี), มานูเอล เปเญกรินี่(แมนฯ ซิตี้), เคลาดิโอ รานิเอรี่ (เลสเตอร์ฯ) และ อันโตนิโอ คอนเต้(เชลซี) และที่น่าสนใจคือ ชล็อท กลายเป็น กุนซือชาวดัตช์คนแรก ที่พาทีมคว้าแชมป์ "พรีเมียร์ลีก" มาครองได้สำเร็จ

แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับความสำเร็จของ "หงส์แดง" ว่าเป็นเพราะฝีมือชั้นยอดของ ชล็อท หรือเพราะการสร้างทีมที่แข็งแกร่งทิ้งไว้ให้ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่แฟนบอลทุกคนต้องการมันคือ "ความสำเร็จ" และ "โทรฟี่แชมป์" หาใช่เหตุผลว่า "ไก่กับไข่" อะไรมันเกิดก่อนกัน .... ดังนั้นคงไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบในฤดูกาลนี้ เพราะว่าภาระกิจของ ชล็อท มันจบลงแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ!

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ : AFP

แท็กบทความ