
สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือหนึ่งในบิ๊กทีมของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่แม้ว่าเรื่องความสำเร็จในช่วงหลังอาจจะเทียบไม่ได้กับ บาเยิร์น มิวนิค แต่สโมสรแห่งนี้ก็ไม่เคยขาดดาวเด่นประจำทีมที่สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นมาสร้างผลงานคนแล้วคนเล่า
ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยทัพ "เสือเหลือง" ก็จะมีนักเตะตัวชูโรงที่เป็นขวัญใจแฟนบอล อาทิเช่น ยาน โคลเลอร์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, โทมัส โรซิคกี้, มาร์โก รอยส์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือแม้แต่ จาดอน ซานโช่
นี่แค่คนที่พอจะนึกออกในหัว ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ถ้าจะให้กล่าวถึงคงจะไม่หมด เพราะสิ่งที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้คือขวัญใจแฟนบอลคนปัจจุบันอย่าง คาริม อเดเยมี่ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมและกลายเป็นนักเตะที่จะขาดไปไม่ได้เสียแล้ว
ด้วยผลงานที่ทำได้อย่างร้อนแรงของเจ้าตัว เราจึงขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแข้งรายนี้กันให้มากขึ้น ว่ากว่าที่จะก้าวมาเป็นกำลังสำคัญของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชีวิตเส้นทางลูกหนังต้องผ่านอะไรมาบ้าง...
คาริม เดวิด อเดเยมี่ เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2002 มีคุณพ่อเป็นชาวไนจีเรียและคุณแม่เป็นชาวโรมาเนียที่ย้ายมาตั้งรกรากในเยอรมัน ทำให้เขาได้ลืมตาดูโลก ณ เมืองมิวนิค เมื่ออายุได้ 6 ขวบ เขาได้โอกาสเริ่มต้นฝึกฟุตบอลกับทีมทีเอสวี ฟอร์สเตนรีด จากนั้นก็ขยับไปอยู่ในอคาเดมี่ของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในวัย 8 ขวบ
ตลอดระยะเวลา 2 ปี เขาค่อยๆทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในรุ่นจิ๋วและเริ่มเห็นแววว่าเด็กคนนี้น่าจะมีอนาคตไกล ทำให้สโมสรต้องการที่จะเดินหน้าต่อสัญญาแต่สุดท้ายเกิดปัญหาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ทำให้เป็นอันต้องแยกย้ายกันไป
ในปี 2012 อเดเยมี่ ไปเข้าร่วมทีมอุนเทอร์ฮาคิง (SpVgg Unterhaching) ในระดับท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมิวนิค ก่อนจะใช้ช่วงเวลา 6 ปีที่นี่ ยกระดับพัฒนาฝีเท้าของตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวประโดด จนได้โอกาสลงสนามแบกอายุในระดับเยาวชุด U19 ในวัยเพียง 16 ปี
สรุปข่าว
สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือหนึ่งในบิ๊กทีมของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่แม้ว่าเรื่องความสำเร็จในช่วงหลังอาจจะเทียบไม่ได้กับ บาเยิร์น มิวนิค แต่สโมสรแห่งนี้ก็ไม่เคยขาดดาวเด่นประจำทีมที่สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นมาสร้างผลงานคนแล้วคนเล่า
ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยทัพ "เสือเหลือง" ก็จะมีนักเตะตัวชูโรงที่เป็นขวัญใจแฟนบอล อาทิเช่น ยาน โคลเลอร์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง, โทมัส โรซิคกี้, มาร์โก รอยส์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือแม้แต่ จาดอน ซานโช่
นี่แค่คนที่พอจะนึกออกในหัว ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ถ้าจะให้กล่าวถึงคงจะไม่หมด เพราะสิ่งที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้คือขวัญใจแฟนบอลคนปัจจุบันอย่าง คาริม อเดเยมี่ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมและกลายเป็นนักเตะที่จะขาดไปไม่ได้เสียแล้ว
ด้วยผลงานที่ทำได้อย่างร้อนแรงของเจ้าตัว เราจึงขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแข้งรายนี้กันให้มากขึ้น ว่ากว่าที่จะก้าวมาเป็นกำลังสำคัญของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชีวิตเส้นทางลูกหนังต้องผ่านอะไรมาบ้าง...
คาริม เดวิด อเดเยมี่ เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2002 มีคุณพ่อเป็นชาวไนจีเรียและคุณแม่เป็นชาวโรมาเนียที่ย้ายมาตั้งรกรากในเยอรมัน ทำให้เขาได้ลืมตาดูโลก ณ เมืองมิวนิค เมื่ออายุได้ 6 ขวบ เขาได้โอกาสเริ่มต้นฝึกฟุตบอลกับทีมทีเอสวี ฟอร์สเตนรีด จากนั้นก็ขยับไปอยู่ในอคาเดมี่ของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในวัย 8 ขวบ
ตลอดระยะเวลา 2 ปี เขาค่อยๆทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในรุ่นจิ๋วและเริ่มเห็นแววว่าเด็กคนนี้น่าจะมีอนาคตไกล ทำให้สโมสรต้องการที่จะเดินหน้าต่อสัญญาแต่สุดท้ายเกิดปัญหาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ทำให้เป็นอันต้องแยกย้ายกันไป
ในปี 2012 อเดเยมี่ ไปเข้าร่วมทีมอุนเทอร์ฮาคิง (SpVgg Unterhaching) ในระดับท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมิวนิค ก่อนจะใช้ช่วงเวลา 6 ปีที่นี่ ยกระดับพัฒนาฝีเท้าของตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวประโดด จนได้โอกาสลงสนามแบกอายุในระดับเยาวชุด U19 ในวัยเพียง 16 ปี
ผลงานของเขาไปเข้าตาสโมสรเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ยื่นข้อเสนอคว้าตัวไปร่วมทีมพร้อมกับเซ็นสัญญา 3 ปี ก่อนออกสตาร์ทฤดูกาล 2018-19 เขาถูกปล่อยให้ทีมลูกอย่าง ไลเฟอริง (FC Liefering) ในลีกรองของออสเตรีย ยืมตัวไปใช้งาน ก่อนจะระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการซัดไป 15 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์ กลายเป็นใบเบิกทางให้เขากลับมาสู่ทีมชุดใหญ่ของเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
ปี 2020 อเดเยมี่ ที่กลับมาอยู่กับทีมแม่ ได้โอกาสลงเล่นเกมถ้วยใหญ่ของยุโรป อย่างศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะสามารถประเดิมประตูแรกได้สำเร็จ ในวันที่ 1 ธันวาคม เกมที่บุกไปเอาชนะ โลโคโมทีฟ มอสโก 3–1
ในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ ซัลซ์บวร์ก อเดเยมี่ ลงสนามไป 35 นัด และยิงได้ 22 ประตู รวมถึงทำอีก 6 แอสซิสต์ เป็นดาวซัลโวของลีกออสเตรีย โดยฝากผลงานทั้งหมด ทั้งมวล กับทีมด้วยการยิงไปทั้งสิ้น 33 ประตู จากการลงเล่น 92 นัด พาทีมได้แชมป์ลีก 3 สมัย และ บอลถ้วยอีก 3 สมัย
ด้วยผลงานเช่นนี้มันดีพอที่จะช่วยส่งให้เขาได้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ติดทีมชาติในระดับเยาวชนมาแทบทุกระดับ ตั้งแต่ชุด U16,U19 และ U21
อเดเยมี่ ได้ลงสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และทำประตูได้ทันทีช่วยให้ทีมปิดกล่องเอาชนะ อาร์เมเนีย 6-0 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2021
เขากลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์นับตั้งแต่จบสงครามโลกที่ผู้เล่นจากสโมสรออสเตรียได้ลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ และหลังจากนั้นเขาก็ได้โอกาสติดทีมไปลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นัดเดียว เนื่องจากเยอรมันตกรอบแบ่งกลุ่ม
ฟอร์มที่ร้อนแรงของเขาไปเข้าหูบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปที่ต่างให้ความสนใจ แต่สุดท้ายเป็นสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เพิ่งจะปล่อยตัว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ไปให้กับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัวราวๆ 60 ล้านยูโร ตัดสินใจคว้าตัวไปร่วมทีมเพื่อทำการเจียระไนเพชรเม็ดงานเม็ดนี้ให้ส่องประกายมากกว่าเดิม
ก่อนออกสตาร์ทฤดูกาล 2022-23 ดอร์ทมุนด์ ทุ่มเงินรวมกันสูงถึง 38 ล้านยูโร เพื่อเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่เขามองว่าอนาคตจะมีมูลค่าที่สูงขึ้น เข้ามาสู่ถิ่น ซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค พร้อมกับเซ็นสัญญายาวจนถึงปี 2027
แม้สไตล์การเล่นจะแตกต่างกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ อย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็ได้เข้ามากลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลเสือเหลืองได้อย่างรวดเร็ว เพราะนับตั้งแต่ย้ายมานี่คือนักเตะที่ทีมจะขาดไปไม่ได้และการได้กลับมาเล่นในลีกบ้านเกิดทำให้เขาแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย ในทางกลับกันยังเล่นด้วยความอุ่นใจทุกครั้งเพราะการได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว
อเดเยมี่ ถูกบันทึกว่าเป็นนักเตะที่เร็วที่สุดของบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยความเร็วเฉลี่ย 36.65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเกมที่พบกับ ไฟร์บวร์ก วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2023 แต่ที่เหนือกว่าความเร็วคือความสามารถเฉพาะตัวและจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคมชนิดหาตัวจับยาก แถมยังมีแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ด้วยผลงานที่เกิดขึ้นกับดอร์ทมุนด์ จึงไม่แปลกใจที่ทำให้บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างจ้องกันตาเป็นมัน ถึงขนาดที่ทัพเสือเหลืองพยายามที่จะขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไปให้ได้อีกอย่างน้อย 2 ปี พร้อมกับทุ่มค่าเหนื่อยในระดับต้นๆของสโมสร ซึ่งทุกอย่างกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา
ปัญหาในการขยายสัญญาคือนักเตะต้องการให้สโมสรแนบค่าฉีกสัญญาเอาไว้หากทีมใหญ่ที่พร้อมประสบความสำเร็จมากกว่าต้องการมาคว้าตัวไปร่วมทีม ในขณะที่สโมสรก็เกรงว่าหากยอมให้เป็นเช่นนั้นก็อาจจะเป็นข้ออ้างให้กับนักเตะในทีมคนอื่นๆในทีมทำตาม จนส่งผลเสียกับสโมสร
ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายของเขากับทัพเสือเหลืองจะออกมาเป็นอย่างไร เขาคืออีก 1 นักเตะของดีของดอร์ทมุนด์ที่พร้อมโบยบิน และบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างก็พร้อมอ้าแขนรับ แม้ว่าจะมีหลายๆเคสตัวอย่างที่อาจจะออกจากทีมไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าดูจากคุณภาพฝีเท้าระดับนี้เชื่อว่าทุกสโมสรก็พร้อมยอมเสี่ยง เพราะโอกาสรุ่งมันมีมากกว่าร่วง
เราคงต้องมารอลุ้นกันดูว่าบทสรุปสุดท้ายหาก อเดเยมี่ ย้ายทีม สถานีต่อไปจะมีหมุดหมายที่ตรงไหน และผลงานของเขาจะสามารถสานต่อฟอร์มอันร้อนแรงได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจและติดตามมากๆ
- บาร์เซโลน่า รอดูอนาคต แรชฟอร์ด ก่อนตัดสินใจดีล เลเอา
- วินิซิอุส เริ่มคิดย้ายหนี มาดริด สถานการณ์กับ อลอนโซ่ ยังตึงเครียด
- มาดริด ไม่ลงโทษ วินิซิอุส โวยวายที่โดนเปลี่ยนออกศึกเอล กลาซิโก
- เซลติก ตั้ง โอนีล แทน ร็อดเจอร์ส ลือทีมสนใจ แอนจ์ กลับมาคุม
- เปิดประวัติ แอนโธนี ฮัดสัน เฮดโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ ดีกรีไม่ธรรมดา!
