ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ขณะที่ Tesla เผชิญแรงกดดันและสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

โดยราคาซื้อขายเฉลี่ย (Average Transaction Price หรือ ATP) ของรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 57,245 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,089,443 บาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากเดือนกรกฎาคมที่ 55,562 ดอลลาร์สหรัฐ 2,028,013 บาท แม้เมื่อเทียบรายปี ราคาจะลดลงเพียง 0.1% 

ด้านแรงจูงใจในการซื้อยังคงสูงอยู่ แม้ลดลงจากระดับสถิติในเดือนกรกฎาคม โดยผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับส่วนลดเฉลี่ยกว่า 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 328,500 บาท คิดเป็น 16% ของราคาซื้อขายเฉลี่ย (ATP) ซึ่งสูงกว่าแรงจูงใจในตลาดรถยนต์รวมถึงสองเท่า และยังมากกว่าปีที่แล้วที่อยู่ที่ 13.6%

สำหรับบริษัท Tesla แม้ยังครองตำแหน่งผู้นำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ไม่ง่ายนัก โดยพบว่าราคาซื้อขายเฉลี่ย (ATP) ของบริษัท Tesla เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.9% มาอยู่ที่ 54,468 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,988,082 บาท แต่ยังคงลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายลดลง 6.7% และส่วนแบ่งตลาดตกลงมาเหลือ 38% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สเตฟานี วาลเดซ สตรีตี (Stephanie Valdez Streaty) นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Cox Automotive บริษัทด้านยานยนต์ครบวงจร อธิบายว่า ปัจจัยสำคัญ คือ การที่ตลาดมีตัวเลือกใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาก “สิ่งที่คงที่ในธุรกิจยานยนต์ คือ สินค้าใหม่ขายดี แม้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Tesla Model Y จะช่วยชะลอยอดขายที่ลดลง แต่ผู้บริโภคก็มีตัวเลือกจากคู่แข่งหลักมากขึ้น” 

นอกจากนี้เธอเสริมว่าการพุ่งขึ้นของยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตอนนี้ เกิดจากการนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด กลยุทธ์การให้แรงจูงใจของตัวแทนจำหน่าย และความเร่งรีบก่อนที่มาตรการลดหย่อนภาษีตามโครงการ IRA จะสิ้นสุดลง