
นักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ในประเทศจีน ค้นพบ “วิธีลดอาการเมารถเกินครึ่ง ด้วยดนตรี” หลังสร้างงานวิจัยทดสอบ 30 อาสาสมัคร โดยใช้การการตรวจวัดคลื่นสมอง และเทคโนโลยี Machine Learning มาผสมผสาน จนค้นพบประเภทเสียงดนตรีที่อ้างว่าฟังแล้ว ช่วยลดอาการเมารถได้เกินครึ่ง !
สรุปข่าว
นักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ในประเทศจีน ค้นพบ “วิธีลดอาการเมารถเกินครึ่ง ด้วยดนตรี” หลังสร้างงานวิจัยทดสอบ 30 อาสาสมัคร โดยใช้การการตรวจวัดคลื่นสมอง และเทคโนโลยี Machine Learning มาผสมผสาน จนค้นพบประเภทเสียงดนตรีที่อ้างว่าฟังแล้ว ช่วยลดอาการเมารถได้เกินครึ่ง !
ดนตรี 4 ประเภท ที่มีผลต่อการเมารถ
การวิจัยนี้ทางนักวิจัยได้คัดเลือกอาสาสมัคร 30 คน ที่มีแนวโน้มจะมีอาการเมารถระดับปานกลาง ให้มาร่วมทำกิจกรรม “จำลองการขับรถ ขณะสวมหมวกตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)” เพื่อติดตามการทำงานของสมองในส่วนของคอร์เทกซ์ โดยโฟกัสเป็นพิเศษที่สมองกลีบท้ายทอย ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ใช้สำหรับรับข้อมูลภาพ และมักมีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดอาการเมารถ
การวิจัยนี้ได้ใช้ดนตรี 4 ประเภทมาเป็นตัวแปรในการทดสอบ ได้แก่ ดนตรีแนวสนุกสนาน ผ่อนคลาย ตื่นเต้น (เร่าร้อน) และโศกเศร้า
วิธีการทดสอบ ทางนักวิจัยได้แบ่งอาสาสมัครออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน
กลุ่ม 1 - 4: จะได้ฟังเพลง 4 ประเภทแยกไปตามแต่ละกลุ่ม ได้แก่ แนวสนุกสนาน แนวผ่อนคลาย แนวตื่นเต้น (เร่าร้อน) และโศกเศร้า
กลุ่ม 5: จะไม่ได้ฟังเพลง เพื่อทดสอบการฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่างกายโดยไม่พึ่งเสียงเพลง
กลุ่ม 6: จะไม่ได้ฟังเพลง เพื่อทดสอบโดยการหยุดการทำงานเครื่องจำลองอาการเมารถทันที เมื่ออาสาสมัครรู้สึกเมารถเล็กน้อย
2 กลุ่มสุดท้ายนี้ ไม่ได้วิจัยโดยใช้ดนตรีเป็นตัวแปร เพราะทางนักวิจัยต้องการใช้กลุ่มนี้ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง เมื่อเกิดอาการเมารถในกลุ่มอื่น ๆ
วิจัยอย่างไร ?
อาสาสมัครกลุ่ม 1 - 4 ที่ทดสอบโดยใช้ดนตรีเป็นตัวแปร และกลุ่ม 5 จะนั่งนิ่ง ๆ ในเครื่องจำลองอาการเมารถเป็นเวลา 2 - 3 นาทีเพื่อจับสัญญาณ EEG พื้นฐาน
จากนั้นการทดสอบจะให้ อาสาสมัครขับรถ และรายงานระดับอาการเมารถที่เกิดขึ้น
เมื่ออาสาสมัครรายงานอาการเมารถแล้ว อาสาสมัครในกลุ่ม 1 - 4 จะได้ฟังเพลงตามแต่ละสไตล์นาน 60 วินาที จากนั้นจึงขอให้พวกเขารายงานความรู้สึกออกมา
ทางทีมวิจัยจะวิเคราะห์สัญญาณ EEG ร่วมไปด้วย โดยดูว่ามีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงความถี่ต่าง ๆ และประมวลผลผ่านแบบจำลองด้วยเทคโนโลยี Machine Learning ซึ่งสามารถตรวจจับได้ว่าผู้เข้าร่วมกำลังเมารถเมื่อใดแบบเรียลไทม์อย่างแม่นยำ
ผลการวิจัยเป็นอย่างไร ?
ในการวิจัยนี้พบว่ากิจกรรมของสมองในกลีบท้ายทอย มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดอาการเมารถ โดยคลื่นสมองในบริเวณนี้จะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนน้อยกว่า เมื่ออาสาสมัครเริ่มรู้สึกเมารถในระดับปานกลาง
ต่อมายิ่งพวกเขารู้สึกดีขึ้นเมื่อฟื้นตัว สัญญาณของพวกเขาก็จะยิ่งทำงานมากขึ้น และการฟื้นตัวนี้จะแตกต่างกันไปตามเพลงที่อาสาสมัครฟัง
ดนตรีที่นุ่มนวลและสนุกสนานช่วยลดอาการเมารถได้มากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วบรรเทาอาการได้ 56.7% และ 57.3% ตามลำดับ
ดนตรีตื่นเต้น (เร่าร้อน) บรรเทาอาการได้ในระดับปานกลาง 48.3%
ในขณะที่ดนตรีเศร้ามีประสิทธิภาพน้อยกว่าการไม่ฟังเพลงใด ๆ เลย โดยบรรเทาอาการได้เพียง 40% ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ฟังเพลง 43.3%
นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า ดนตรีนุ่มนวลมีผลให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาความตึงเครียดที่ทำให้อาการเมารถแย่ลงได้ และดนตรีที่สนุกสนานอาจเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจ กระตุ้นระบบให้รางวัลของสมอง ในขณะเดียวกัน ดนตรีเศร้าอาจส่งผลตรงกันข้าม โดยเพิ่มอารมณ์เชิงลบและเพิ่มความรู้สึกไม่สบายให้กับสมอง
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นงานวิจัยขนาดเล็ก ประเภทของดนตรีที่นำมาทดสอบก็ค่อนข้างแคบเกินไป จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ต่าง ๆ อีกหลายอย่าง
การศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Human Neuroscience: https://www.frontiersin.org/journals/human-neuroscience/articles/10.3389/fnhum.2025.1636109/abstract
- 8 กองกำลังจีน ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
- ทูตจีนคนใหม่พบสื่อมวลชนไทย คลายข้อสงสัยทุกเรื่อง
- จีนปฏิวัติอุตสาหกรรมโลกครั้งที่ 4 ด้วย New-Quality Productive Forces (ตอน 1)
- พลเมืองโลก คืออะไร ในยุคแห่งความผันผวน แต่อาจไม่ใช่ความฝันของทุกคน
- จับตา “จีน” ผงาด ขึ้นแท่นผู้นำพลังงานสะอาดโลก ส่วน “สหรัฐฯ” ถอยหลังสู่ยุคถ่านหิน
ที่มาข้อมูล : https://www.frontiersin.org/journals/human-neuroscience/articles/10.3389/fnhum.2025.1636109/abstrac
ที่มารูปภาพ : Depositphotos
