นาซาแก้ไขสัญญาให้โอกาสสุดท้ายกับเครื่องบินอวกาศ Dream Chaser ก่อนสถานีอวกาศ ISS ปลดระวางปี 2030

บทบาทของกระสวยอวกาศและจุดเริ่มต้น Dream Chaser

ก่อนหน้านี้ยานกระสวยอวกาศเคยมีส่วนสำคัญในการก่อสร้างและดูแล ISS ในทศวรรษแรก โดยทำหน้าที่ขนส่งทั้งนักบินอวกาศและเสบียง จนกระทั่งถูกปลดประจำการในปี 2011 

หลังจากนั้น นาซาเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามารับช่วงต่อ โดยในปี 2016 ได้ลงนามสัญญากับ Sierra Space ให้ใช้เครื่องบินอวกาศ Dream Chaser และโมดูลบรรทุกสินค้า Shooting Star ในการส่งเสบียงอย่างน้อย 7 เที่ยวบิน

ทว่าจนถึงวันนี้กว่า 9 ปีผ่านไป เครื่องบินอวกาศ Dream Chaser ยังไม่เคยบินขึ้นสู่วงโคจร และล่าสุดสัญญาดังกล่าวก็ถูกปรับเปลี่ยนใหม่

การแก้ไขสัญญาและแผนสาธิตบินฟรี

แถลงการณ์ของ NASA เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้ปรับสัญญา โดยบริษัท Sierra Space จะจัดการสาธิตการบินฟรีหนึ่งครั้ง คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2026 เพื่อทดสอบสมรรถนะยาน Dream Chaser 

โดยบริษัท Sierra Space จะยังคงมอบข้อมูลด้านเทคนิคและผลการพัฒนาให้ NASA รับทราบ แต่ NASA จะมีส่วนสนับสนุนเพียงเล็กน้อย และไม่มีภาระผูกพันด้านจำนวนเที่ยวบินส่งเสบียงอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากการสาธิตประสบความสำเร็จ NASA ยังสามารถสั่งให้ Sierra Space ทำภารกิจส่งเสบียงในอนาคตได้ภายใต้สัญญาเดิม นั่นหมายความว่าโอกาสสำหรับเครื่องบินอวกาศ Dream Chaser ในการพิสูจน์ตัวเองบนอวกาศในระดับวงโคจรให้ NASA เห็นมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

อนาคตที่กระชั้นชิดของสถานีอวกาศ ISS

ประเด็นสำคัญ คือ สถานีอวกาศนานาชาติ ISS เหลือเวลาใช้งานไม่ถึง 5 ปี ก่อนกำหนดปลดระวางในปี 2030 และถูกนำออกจากวงโคจรโดยยาน Dragon รุ่นดัดแปลงของ SpaceX ขณะเดียวกัน NASA กำลังเร่งผลักดันการพัฒนาสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ เพื่อสืบต่อบทบาทของ ISS ในวงโคจรต่ำของโลก ซึ่งอาจเป็นพื้นที่ใหม่ที่ Dream Chaser ได้ใช้งานจริงในอนาคต

มุมมองของ Sierra Space และความยืดหยุ่นของ Dream Chaser

ในแถลงการณ์แยกต่างหาก บริษัท Sierra Space ซึ่งแยกตัวออกจาก Sierra Nevada Corp. เมื่อปี 2021 ยืนยันว่าเครื่องบินอวกาศ Dream Chaser ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภารกิจส่งเสบียงให้ ISS แต่ยังสามารถรองรับภารกิจหลากหลายรูปแบบในอนาคต 

ฟาติห์ ออซเมน (Fatih Ozmen) ซีอีโอของ Sierra Space ระบุว่า ยานลำนี้เป็นสัญลักษณ์ของ “การขนส่งทางอวกาศที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย” และมีศักยภาพรองรับทั้งภารกิจพลเรือนและความมั่นคงแห่งชาติ

การแข่งขันกับเอกชนรายอื่น

ปัจจุบัน NASA พึ่งพาเอกชน 2 รายหลักในการขนส่งเสบียง ได้แก่ SpaceX ที่ใช้แคปซูล Dragon และ Northrop Grumman ที่ใช้ยาน Cygnus ขณะที่อนาคตของ Dream Chaser ยังต้องรอพิสูจน์จากการบินสาธิตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ว่ายานแบบ “เครื่องบินอวกาศ” จะกลับมาเยือนวงโคจรโลกอีกครั้งก่อนการสิ้นอายุของ ISS หรือจะไปเริ่มต้นบทใหม่ในสถานีอวกาศเอกชนแทน

แม้เส้นทางของ Dream Chaser จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ยานอวกาศลำนี้ยังคงเป็นความหวังสำคัญของการบินอวกาศเชิงพาณิชย์ ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างและความสามารถในการกลับสู่โลกแบบร่อนลงรันเวย์ หากการสาธิตในปี 2026 ประสบความสำเร็จ Dream Chaser อาจไม่เพียงได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองบนเวทีสถานีอวกาศนานาชาติ ISS เท่านั้น แต่ยังอาจก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ ที่การเดินทางสู่อวกาศจะเปิดกว้างยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา