สาเหตุคนไทยไม่ขึ้น แท็กซี่ เพราะอะไร ? หลัง Taxi ขู่ปิดสนามบิน! จี้รัฐปราม Grab แย่งที่ทำกิน รายได้หาย

เชื่อว่าปัญหาคุณภาพการบริการของ Taxi ไทย ถูกพูดถึงในทิศทางลบมาช้านาน ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ผู้โดยสาร ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ต่างต้องเคยมีประสบการณ์ โดนปฏิเสธ หรือ ไม่กดมิเตอร์ กันมาสักครั้งด้วยเหตุผลที่ว่า ใกล้ไปบ้าง ไกลไปบ้าง ขอเหมาไม่กดมิเตอร์ รถติด แก๊สไม่พอ ฯลฯ อีกสารพัดสาเหตุจะหาอ้างได้ แม้รัฐบาล กระทรวงคมนาคม ก็มีสายด่วนร้องเรียน 1584 แต่ก็ปราบให้หมดยาก เพราะเป็นแค่ที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุคือ ทัศนคติ ของผู้ให้บริการ Taxi ไทยส่วนหนึ่งยังคงไม่ยอมปรับเหมือนเดิม
4 ปัญหาเก่า ที่ Taxi ถูกผู้โดยสารร้องเรียนมากที่สุด
ข้อมูลกรมการขนส่งทางบก เผยข้อมูลการร้องเรียน รถสาธารณะผ่านสายด่วน 1584 ช่วง ต.ค. 2566 - ก.พ. 2567 โดยพบว่าประเภท รถแท็กซี่ มีข้อร้องเรียนสูงสุดเลย รวม 10,687 ครั้ง
Top 4 ของปัญหา ที่ถูกผู้โดยสารร้องเรียนมากที่สุด
ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร 2,291 ครั้ง
แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ 1,872 ครั้ง
ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว 1,285 ครั้ง
ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร 1,054 ครั้ง
ปีที่แล้วหากจำได้ ยังเกิดเคส จ้าของแบรนด์เครื่องสำอางค์ไทยชื่อดัง อัดคลิปสุดทน หลังโบกแท็กซี่ จะไปกินข้าวเอกมัย
ห่างจุดรับ 10 นาที ไม่กดมิเตอร์ขอ เหมา 400 โวย “ ที่นี่ถนนดัง เขาไม่กดมิเตอร์กันหรอกนะ:”
ล่าสุดแท็กซี่กลุ่มหนึ่งรวมตัวขู่ ปิดสนามบิน หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล
จัดจุดบริการ ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้โดยสารรู้ว่า Taxi จะขึ้นได้ที่ไหน
>>> จริงๆก็ต้องบอกตรงๆว่า พวกเรารู้ค่ะ ว่าพี่จอดรอกันอยู่ตรงไหน
ชั้น1 ประตู 4-7 แต่ผู้บริโภคแค่เลือกที่จะไม่ขึ้น
เพราะจัดการไม่ได้ เวลาเจอพวกคุณโก่งราคา บ่นเรื่องกระเป๋า
ให้พิจารณานำ Grab ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่งั้นจะชุมนุมปิดสนามบิน
>>> อันนี้ไม่เรียกว่า ปกป้องสิทธิ แต่เรียกว่า ริดรอนสิทธิผู้บริโภค เพราะตามรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 46 ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สิทธิ เสรีภาพในการเลือกใช้บริการที่เป็นธรรม ที่สำคัญเตรียมเงินไว้ด้วยนะ ใครปิดสนามบิน ผิดกฎหมาย เพราะปี 2567 ที่ผ่านมาเพิ่งตัดสินให้ปรับ แกนนำผู้ชุมนุม ปิดสนามบิน ปี 2551 คนละ 20,000 บาท ในความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
การปกป้องสิทธิตัวเองทำได้ แต่ต้องรู้ก่อนว่า คุณมีสิทธิ ยังไง และ ใครละเมิดสิทธิคุณ
“ สิทธิ = อำนาจหรือเสรีภาพที่บุคคลพึงมีตามกฎหมาย ” พี่ Taxi มีสิทธิ ประกอบอาชีพสุจริต ได้รับค่าจ้างอย่างเหมาะสม
Grab Lineman ก็มีสิทธิประกอบอาชีพหากจดทะเบียนถูกต้อง ผู้โดยสาร ก็มีสิทธิเลือกใช้บริการที่คิดว่าดีที่สุด แต่ Taxi ไม่มีสิทธิมา จำกัดทางเลือกประชาชน เพื่อให้ไปนั่ง Taxi หากพวกเขาไม่ต้องการ
และการที่คนหันไปใช้ Grab ไม่ใช่การละเมิดสิทธิ Taxi แต่มันคือ Disruptive Innovation การแข่งขันของโลกธุรกิจด้วยนวัตกรรม เป็นไปตามกระแสของโลกที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้ คือการที่ธุรกิจแบบดั้งเดิม ต้องสู้กับ ธุรกิจเกิดใหม่แต่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าใครปรับตัวไม่ได้ ก็ไปไม่รอด เหมือนที่เห็นมาของอดีตยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรมหลายเจ้า ตั้งแต่ Blackberry / Nokia / Kodak / Video Easy / Hi 5 ที่ไปต่อไม่รอด ณ ปัจจุบัน ซึ่งคนที่ช้ากว่า ก็ต้องปรับตัว รีบหาจุดเด่นสู้ ไม่ใช่ ไปร้องเรียนว่า ฉันสู้ไม่ได้ คู่แข่งฉันเก่ง ต้องถูกรัฐบาลกำจัด ถ้าเป็นแบบนั้นเรียกว่า การผูกขาดทางการค้า ไม่ใช่การแข่งขันที่เป็นธรรม ละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วย
และการประท้วงปิดสนามบิน ไม่ใช่ทางแก้ให้คนขึ้น Taxi มากขึ้น
ซ้ำร้าย ภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยในสายตาประชาชนคนไทยจะยิ่งแย่ขึ้นไปอีก หากประชาชน รวมตัว boycott ไม่ขึ้น Taxi เลยขึ้นมา โซเชียลไวมากนะ ผลกระทบอาจตีกลับไปที่ พวกพี่ๆ Taxi ทั้งหมด รวมถึงคนที่ไม่ได้ออกมาประท้วงด้วย ให้ต้อง รายได้หดหาย ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้น ทางแก้แรกของปัญหานี้ อาจไม่ใช่เรียกร้องให้โลกต้องหมุนตามเรา แต่เราต้องหมุนตามโลก อาจเริ่มจาก แก้ไขข้อบกพร่อง จุดอ่อนของตัวเราและพวกพ้อง ให้ดีที่สุดก่อน ปรับบริการใหม่ รถหอมสะอาด ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร จะใกล้ไกล พูดจาสุดภาพ และ ตักเตือนเพื่อนร่วมอาชีพ
เพราะเหตุการณ์นี้ ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่ใช่แท็กซี่ทุกคนจะมารยาทไม่ดี หรือ มีพฤติกรรมแย่ แต่ปลาตายแค่ตัวเดียว น้ำเน่าทั้งบ่อได้ ดั้งนั้น หากร่วมกันปฏิวัติบริการ สร้างภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยใหม่ในสายตาประชาชน หรือ ปรับตัวเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มด้วยเพื่อหาลูกค้าเพิ่ม สามารถไปต่อได้รอด โดยไม่ต้องมาร้องขอให้รัฐช่วยได้อีกด้วย
สรุปข่าว
เชื่อว่าปัญหาคุณภาพการบริการของ Taxi ไทย ถูกพูดถึงในทิศทางลบมาช้านาน ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ผู้โดยสาร ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ต่างต้องเคยมีประสบการณ์ โดนปฏิเสธ หรือ ไม่กดมิเตอร์ กันมาสักครั้งด้วยเหตุผลที่ว่า ใกล้ไปบ้าง ไกลไปบ้าง ขอเหมาไม่กดมิเตอร์ รถติด แก๊สไม่พอ ฯลฯ อีกสารพัดสาเหตุจะหาอ้างได้ แม้รัฐบาล กระทรวงคมนาคม ก็มีสายด่วนร้องเรียน 1584 แต่ก็ปราบให้หมดยาก เพราะเป็นแค่ที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุคือ ทัศนคติ ของผู้ให้บริการ Taxi ไทยส่วนหนึ่งยังคงไม่ยอมปรับเหมือนเดิม
4 ปัญหาเก่า ที่ Taxi ถูกผู้โดยสารร้องเรียนมากที่สุด
ข้อมูลกรมการขนส่งทางบก เผยข้อมูลการร้องเรียน รถสาธารณะผ่านสายด่วน 1584 ช่วง ต.ค. 2566 - ก.พ. 2567 โดยพบว่าประเภท รถแท็กซี่ มีข้อร้องเรียนสูงสุดเลย รวม 10,687 ครั้ง
Top 4 ของปัญหา ที่ถูกผู้โดยสารร้องเรียนมากที่สุด
ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร 2,291 ครั้ง
แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ 1,872 ครั้ง
ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว 1,285 ครั้ง
ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร 1,054 ครั้ง
ปีที่แล้วหากจำได้ ยังเกิดเคส จ้าของแบรนด์เครื่องสำอางค์ไทยชื่อดัง อัดคลิปสุดทน หลังโบกแท็กซี่ จะไปกินข้าวเอกมัย
ห่างจุดรับ 10 นาที ไม่กดมิเตอร์ขอ เหมา 400 โวย “ ที่นี่ถนนดัง เขาไม่กดมิเตอร์กันหรอกนะ:”
ล่าสุดแท็กซี่กลุ่มหนึ่งรวมตัวขู่ ปิดสนามบิน หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล
จัดจุดบริการ ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้โดยสารรู้ว่า Taxi จะขึ้นได้ที่ไหน
>>> จริงๆก็ต้องบอกตรงๆว่า พวกเรารู้ค่ะ ว่าพี่จอดรอกันอยู่ตรงไหน
ชั้น1 ประตู 4-7 แต่ผู้บริโภคแค่เลือกที่จะไม่ขึ้น
เพราะจัดการไม่ได้ เวลาเจอพวกคุณโก่งราคา บ่นเรื่องกระเป๋า
ให้พิจารณานำ Grab ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่งั้นจะชุมนุมปิดสนามบิน
>>> อันนี้ไม่เรียกว่า ปกป้องสิทธิ แต่เรียกว่า ริดรอนสิทธิผู้บริโภค เพราะตามรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 46 ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สิทธิ เสรีภาพในการเลือกใช้บริการที่เป็นธรรม ที่สำคัญเตรียมเงินไว้ด้วยนะ ใครปิดสนามบิน ผิดกฎหมาย เพราะปี 2567 ที่ผ่านมาเพิ่งตัดสินให้ปรับ แกนนำผู้ชุมนุม ปิดสนามบิน ปี 2551 คนละ 20,000 บาท ในความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
การปกป้องสิทธิตัวเองทำได้ แต่ต้องรู้ก่อนว่า คุณมีสิทธิ ยังไง และ ใครละเมิดสิทธิคุณ
“ สิทธิ = อำนาจหรือเสรีภาพที่บุคคลพึงมีตามกฎหมาย ” พี่ Taxi มีสิทธิ ประกอบอาชีพสุจริต ได้รับค่าจ้างอย่างเหมาะสม
Grab Lineman ก็มีสิทธิประกอบอาชีพหากจดทะเบียนถูกต้อง ผู้โดยสาร ก็มีสิทธิเลือกใช้บริการที่คิดว่าดีที่สุด แต่ Taxi ไม่มีสิทธิมา จำกัดทางเลือกประชาชน เพื่อให้ไปนั่ง Taxi หากพวกเขาไม่ต้องการ
และการที่คนหันไปใช้ Grab ไม่ใช่การละเมิดสิทธิ Taxi แต่มันคือ Disruptive Innovation การแข่งขันของโลกธุรกิจด้วยนวัตกรรม เป็นไปตามกระแสของโลกที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้ คือการที่ธุรกิจแบบดั้งเดิม ต้องสู้กับ ธุรกิจเกิดใหม่แต่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าใครปรับตัวไม่ได้ ก็ไปไม่รอด เหมือนที่เห็นมาของอดีตยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรมหลายเจ้า ตั้งแต่ Blackberry / Nokia / Kodak / Video Easy / Hi 5 ที่ไปต่อไม่รอด ณ ปัจจุบัน ซึ่งคนที่ช้ากว่า ก็ต้องปรับตัว รีบหาจุดเด่นสู้ ไม่ใช่ ไปร้องเรียนว่า ฉันสู้ไม่ได้ คู่แข่งฉันเก่ง ต้องถูกรัฐบาลกำจัด ถ้าเป็นแบบนั้นเรียกว่า การผูกขาดทางการค้า ไม่ใช่การแข่งขันที่เป็นธรรม ละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วย
และการประท้วงปิดสนามบิน ไม่ใช่ทางแก้ให้คนขึ้น Taxi มากขึ้น
ซ้ำร้าย ภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยในสายตาประชาชนคนไทยจะยิ่งแย่ขึ้นไปอีก หากประชาชน รวมตัว boycott ไม่ขึ้น Taxi เลยขึ้นมา โซเชียลไวมากนะ ผลกระทบอาจตีกลับไปที่ พวกพี่ๆ Taxi ทั้งหมด รวมถึงคนที่ไม่ได้ออกมาประท้วงด้วย ให้ต้อง รายได้หดหาย ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้น ทางแก้แรกของปัญหานี้ อาจไม่ใช่เรียกร้องให้โลกต้องหมุนตามเรา แต่เราต้องหมุนตามโลก อาจเริ่มจาก แก้ไขข้อบกพร่อง จุดอ่อนของตัวเราและพวกพ้อง ให้ดีที่สุดก่อน ปรับบริการใหม่ รถหอมสะอาด ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร จะใกล้ไกล พูดจาสุดภาพ และ ตักเตือนเพื่อนร่วมอาชีพ
เพราะเหตุการณ์นี้ ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่ใช่แท็กซี่ทุกคนจะมารยาทไม่ดี หรือ มีพฤติกรรมแย่ แต่ปลาตายแค่ตัวเดียว น้ำเน่าทั้งบ่อได้ ดั้งนั้น หากร่วมกันปฏิวัติบริการ สร้างภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยใหม่ในสายตาประชาชน หรือ ปรับตัวเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มด้วยเพื่อหาลูกค้าเพิ่ม สามารถไปต่อได้รอด โดยไม่ต้องมาร้องขอให้รัฐช่วยได้อีกด้วย