ประชุมสุดยอดอาเซียน วางทิศทางใหม่สู่ “อาเซียน 2045”

ประชุมสุดยอดอาเซียน วางทิศทางใหม่สู่ “อาเซียน 2045”

จุดเปลี่ยนของภูมิภาคในยุคความเปราะบาง

การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 46 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดฉากขึ้นท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์อย่างเข้มข้น ผู้นำทั้ง 10 ประเทศสมาชิก รวมถึงผู้แทนจากติมอร์-เลสเต ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ร่วมประชุมภายใต้แนวคิด “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และความยั่งยืน” เพื่อหารืออนาคตของภูมิภาคในระยะยาว

การถอยห่างของกลไกพหุภาคีในเวทีโลก และมาตรการกีดกันทางการค้าของชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อพลวัตทางเศรษฐกิจของอาเซียนโดยตรง ประเด็นเหล่านี้ทำให้การประชุมในปีนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ระบุชัดว่าอาเซียนจำเป็นต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ร่วมกันใหม่ เพื่อคงบทบาทความน่าสนใจในห่วงโซ่การค้าโลก และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันอย่างเป็นระบบ

เสริมพลังภูมิภาคผ่านความร่วมมือ

นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ผ่านถ้อยแถลงที่เน้นความร่วมมือภายในภูมิภาคเป็นหัวใจของความมั่นคงในอนาคต โดยเสนอให้อาเซียนสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ พร้อมพิจารณาความเป็นไปได้ของความร่วมมือใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21

ประเทศไทยเสนอเร่งรัดการจัดทำข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Framework Agreement: DEFA) ให้เสร็จภายในปี 2568 เพื่อปลดล็อกการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนอาเซียนให้เท่าทันยุคเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ


สรุปข่าว

ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ที่มาเลเซีย นายกฯ แพทองธารเสนอวิสัยทัศน์ “อาเซียนครอบคลุมและยั่งยืน” เร่ง DEFA หนุน MSMEs จับมือสร้างห่วงโซ่อุปทาน-อาเซียนสีเขียว หนุนวิสัยทัศน์ 2045 เพื่อประชาคมที่เข้มแข็ง

จุดเปลี่ยนของภูมิภาคในยุคความเปราะบาง

การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 46 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดฉากขึ้นท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์อย่างเข้มข้น ผู้นำทั้ง 10 ประเทศสมาชิก รวมถึงผู้แทนจากติมอร์-เลสเต ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ร่วมประชุมภายใต้แนวคิด “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และความยั่งยืน” เพื่อหารืออนาคตของภูมิภาคในระยะยาว

การถอยห่างของกลไกพหุภาคีในเวทีโลก และมาตรการกีดกันทางการค้าของชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อพลวัตทางเศรษฐกิจของอาเซียนโดยตรง ประเด็นเหล่านี้ทำให้การประชุมในปีนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ระบุชัดว่าอาเซียนจำเป็นต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์ร่วมกันใหม่ เพื่อคงบทบาทความน่าสนใจในห่วงโซ่การค้าโลก และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันอย่างเป็นระบบ

เสริมพลังภูมิภาคผ่านความร่วมมือ

นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ผ่านถ้อยแถลงที่เน้นความร่วมมือภายในภูมิภาคเป็นหัวใจของความมั่นคงในอนาคต โดยเสนอให้อาเซียนสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ พร้อมพิจารณาความเป็นไปได้ของความร่วมมือใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21

ประเทศไทยเสนอเร่งรัดการจัดทำข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Framework Agreement: DEFA) ให้เสร็จภายในปี 2568 เพื่อปลดล็อกการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนอาเซียนให้เท่าทันยุคเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ


ประชาชนคือศูนย์กลางของอาเซียนใหม่

ในขณะที่อาเซียนกำลังวางรากฐานสู่การรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง นายกรัฐมนตรีแพทองธารเสนอให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการบูรณาการ โดยให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงด้านอาหาร การสาธารณสุข การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา ที่ถูกหยิบยกขึ้นเป็นตัวอย่างของภัยที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือร่วมกันอย่างเร่งด่วน

ความคิดริเริ่มของไทยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอาเซียน ยังถูกเสนอเป็นแนวทางเพื่อเพิ่มพลวัตให้กับเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมความเข้าใจร่วมกันระหว่างประชาชนผ่านวัฒนธรรมและการเดินทาง

อาเซียนสีเขียวในมือของไทย

ในฐานะประเทศผู้ประสานงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน ไทยเสนอแผนผลักดัน “อาเซียนสีเขียว” โดยเน้นการพัฒนานโยบายที่ครอบคลุมตั้งแต่การเงินสีเขียว การลดการปล่อยคาร์บอน ไปจนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและดิจิทัล นายกรัฐมนตรีเน้นว่าเป้าหมายนี้ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกเชิงนโยบาย หากแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการธำรงอยู่ของภูมิภาคในระยะยาว

วิสัยทัศน์ 2045 อาเซียนในอนาคต

หนึ่งในภารกิจสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการรับรองเอกสารสำคัญ 9 ฉบับ ซึ่งรวมถึง “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045” ที่วางเป้าหมายอาเซียนให้เป็นประชาคมที่เข้มแข็ง มีนวัตกรรม มีพลวัต และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยประเทศไทยได้แสดงบทบาทในการร่างวิสัยทัศน์ดังกล่าว และร่วมผลักดันให้เกิดความเป็นรูปธรรม

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีไทยแสดงความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ใหม่นี้ และแสดงความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือภายในครอบครัวอาเซียนจะยังคงเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนภูมิภาคสู่อนาคตแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่มั่นคงและยั่งยืน

ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ที่มาเลเซีย นายกฯ แพทองธารเสนอวิสัยทัศน์ “อาเซียนครอบคลุมและยั่งยืน” เร่ง DEFA หนุน MSMEs จับมือสร้างห่วงโซ่อุปทาน-อาเซียนสีเขียว หนุนวิสัยทัศน์ 2045 เพื่อประชาคมที่เข้มแข็ง

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN

บรรณาธิการออนไลน์