โรคเดิม อันตรายใหม่ ทำไม? ไข้เลือดออกในไทยยังน่ากลัวในปี 2568

โรคเดิม อันตรายใหม่ ทำไม? ไข้เลือดออกในไทยยังน่ากลัวในปี 2568

โรคเดิม อันตรายใหม่ ทำไมไข้เลือดออกในไทยยังน่ากลัวในปี 2568

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา วงการบันเทิงไทยสูญเสียดาราลิเกชื่อดังอย่างวิรดา วงศ์เทวัญ ด้วยวัย 37 ปี หลังต่อสู้กับไข้เลือดออกชนิดรุนแรงมานานกว่า 1 ปี การจากไปของเธอไม่เพียงทำให้แฟนคลับเศร้าโศก แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนใจให้คนไทยตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคที่หลายคนอาจมองข้ามไป

เมื่อดาราดังเป็นเหยื่อของยุงลาย

วิรดา วงศ์เทวัญ น้องสาวของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง กุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ เริ่มต้นอาชีพในวงการลิเกตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ จนกลายเป็นนางเอกลิเกเงินล้านที่มีแฟนคลับติดตามอย่างล้นหลาม การต่อสู้กับไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเป็นเวลากว่า 1 ปี ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด เป็นเครื่องเตือนใจถึงความรุนแรงของโรคที่หลายคนอาจประเมินต่ำไป

ความเศร้าโศกจากการจากไปของวิรดาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลไทยออกมาเตือนภัยเรื่องโรคที่มากับฤดูฝน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความกังวลของกระทรวงสาธารณสุขต่อการระบาดของโรคจากยุงลาย 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา และโรคไวรัสซิกา

สรุปข่าว

วิรดา วงศ์เทวัญ ดาราลิเกชื่อดัง จากไปในวัย 37 ปี หลังต่อสู้ไข้เลือดออกชนิดรุนแรงมา 1 ปี เป็นสัญญาณเตือนว่าโรคนี้ยังอันตรายแม้ปี 2568 ผู้ป่วยลดลง 4.8 เท่า แต่ยังมีผู้เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ราย กลุ่มเสี่ยงคือเด็ก 5-14 ปี ผู้สูงอายุ คนอ้วน ขณะยา NSAIDs เพิ่มความเสี่ยงเลือดออกรุนแรง ฤดูฝนเข้าใกล้ ยุงลายขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น การป้องกันคือกำจัดน้ำขัง หลีกเลี่ยงยุงกัด

โรคเดิม อันตรายใหม่ ทำไมไข้เลือดออกในไทยยังน่ากลัวในปี 2568

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา วงการบันเทิงไทยสูญเสียดาราลิเกชื่อดังอย่างวิรดา วงศ์เทวัญ ด้วยวัย 37 ปี หลังต่อสู้กับไข้เลือดออกชนิดรุนแรงมานานกว่า 1 ปี การจากไปของเธอไม่เพียงทำให้แฟนคลับเศร้าโศก แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนใจให้คนไทยตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคที่หลายคนอาจมองข้ามไป

เมื่อดาราดังเป็นเหยื่อของยุงลาย

วิรดา วงศ์เทวัญ น้องสาวของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง กุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ เริ่มต้นอาชีพในวงการลิเกตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ จนกลายเป็นนางเอกลิเกเงินล้านที่มีแฟนคลับติดตามอย่างล้นหลาม การต่อสู้กับไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเป็นเวลากว่า 1 ปี ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด เป็นเครื่องเตือนใจถึงความรุนแรงของโรคที่หลายคนอาจประเมินต่ำไป

ความเศร้าโศกจากการจากไปของวิรดาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลไทยออกมาเตือนภัยเรื่องโรคที่มากับฤดูฝน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความกังวลของกระทรวงสาธารณสุขต่อการระบาดของโรคจากยุงลาย 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา และโรคไวรัสซิกา

สถิติที่ปลอบใจแต่ซ่อนอันตราย

แม้ตัวเลขผู้ป่วยไข้เลือดออกในปี 2568 จะลดลงอย่างมาก โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยเพียง 3,550 ราย น้อยกว่าปีก่อนถึง 4.8 เท่า แต่ตัวเลขที่น่าตกใจคือยังมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ราย สถิติเหล่านี้บ่งชี้ว่าแม้จำนวนผู้ป่วยจะลดลง แต่อัตราการเสียชีวิตยังคงอยู่ในระดับที่น่าห่วง

การลดลงของจำนวนผู้ป่วยในปี 2568 เกิดจากวัฏจักรภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีอายุประมาณ 2-3 ปี หลังจากการระบาดรุนแรงในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าความสงบนี้อาจเป็นเพียงช่วงพักก่อนที่จะเกิดการระบาดใหม่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนที่สนับสนุนให้ยุงลายขยายพันธุ์ได้ดีขึ้น

เด็กกับผู้สูงอายุ เป้าหมายหลักของยุงร้าย

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดยังคงเป็นเด็กวัยเรียนอายุ 5-14 ปี รองลงมาคือวัยรุ่นและหนุ่มสาว 15-24 ปี ขณะที่ผู้สูงอายุและผู้มีภาวะอ้วนกลับกลายเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ความแตกต่างนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละวัย และความสามารถในการรับมือกับภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

พื้นที่เสี่ยงสูงยังคงเป็นจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง และนราธิวาส ส่วนในกรุงเทพมหานครพบอัตราป่วยสูงในเขตราชเทวี เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตคลองสาน พื้นที่เหล่านี้มีลักษณะร่วมกันคือความหนาแน่นของประชากร สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพาะพันธุ์ยุงลาย และการจัดการน้ำเสียที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

ไข้เลือดออกชนิดรุนแรง เมื่อโรคธรรมดากลายเป็นนักฆ่า

สิ่งที่ทำให้ไข้เลือดออกกลายเป็นโรคร้ายแรงคือการพัฒนาเป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรง หรือที่เรียกว่า severe dengue ซึ่งมีอาการแทรกซ้อนที่อาจคร่าชีวิตได้ ลักษณะสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ภาวะช็อกจากการรั่วของพลาสมา ภาวะเลือดออกผิดปกติรุนแรง และภาวะอวัยวะล้มเหลว

ภาวะช็อกจากการรั่วของพลาสมาเป็นภาวะที่น่ากลัวที่สุด เกิดจากการที่สารน้ำในหลอดเลือดรั่วออกสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงอย่างรุนแรง ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ผู้ป่วยมีอาการมือเท้าเย็น กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว และอาจเข้าสู่ภาวะช็อกจนเสียชีวิต

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่เรียกว่า "ระยะวิกฤต" หลังจากผ่านระยะไข้สูงแล้ว ประมาณวันที่ 3-7 ของโรค โดยเฉพาะในช่วงที่ไข้เริ่มลดลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ป่วยและญาติมักเข้าใจผิดว่าอาการดีขึ้น ทำให้ขาดการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ยาแก้ปวดธรรมดาที่กลายเป็นพิษ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยไข้เลือดออกเสียชีวิตคือการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน หรือดิคโลเฟแนค ยาเหล่านี้ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป กลับเป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงเลือดออกและภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ปัญหาคือผู้ป่วยส่วนใหญ่มักซื้อยาแก้ปวดแก้ไข้เหล่านี้มากินเองเมื่อมีอาการไข้ โดยไม่รู้ว่าตนเป็นไข้เลือดออก การกระทำที่ดูเหมือนปกติสามัญนี้ อาจกลายเป็นการเร่งให้อาการรุนแรงขึ้น หรือแม้กระทั่งคร่าชีวิต

กรมควบคุมโรคจึงเน้นย้ำให้ประชาชนใช้เฉพาะพาราเซตามอลเป็นยาลดไข้ และหลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs อย่างเด็ดขาด หากมีอาการไข้สูงต่อเนื่อง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

การรับมือกับภัยคุกคามที่ไม่สิ้นสุด

แม้จะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์ แต่การป้องกันไข้เลือดออกยังคงต้องอาศัยหลักการเก่าแก่ คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ยุงลายชอบวางไข่ในน้ำใส น้ำขัง เช่น จานรองกระถางต้นไม้ ถังเก็บน้ำ กล่องโฟม หรือแม้แต่กาบใบไผ่ที่มีน้ำขัง

การป้องกันที่มีประสิทธิภาพต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ เนื่องจากวงจรชีวิตของยุงลายใช้เวลาเพียง 7-10 วัน จากไข่กลายเป็นตัวเต็มวัย หากปล่อยให้น้ำขังเพียงสัปดาห์เดียว ก็เพียงพอที่จะให้ยุงรุ่นใหม่เกิดขึ้นและแพร่เชื้อโรคต่อไป

กระทรวงสาธารณสุขเน้นมาตรการ "3 ป้องกัน 1 รักษา" คือ ป้องกันไม่ให้ยุงวางไข่ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด ป้องกันไม่ให้เกิดโรคแพร่ระบาด และรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที หากมาตรการเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกจะลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

บทเรียนจากการจากไปของวิรดา

การเสียชีวิตของวิรดา วงศ์เทวัญ เป็นเครื่องเตือนใจให้คนไทยเข้าใจว่าไข้เลือดออกไม่ใช่โรคธรรมดา แม้ในยุคที่การแพทย์ก้าวหน้า มีเทคโนโลยีการรักษาที่ดีขึ้น แต่โรคนี้ยังคงสามารถคร่าชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

สิ่งที่เราเรียนรู้จากกรณีนี้คือ การป้องกันยังคงดีกว่าการรักษา การระมัดระวังไม่ให้ถูกยุงกัด การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และการรู้จักอาการเตือนของโรคเพื่อรีบพบแพทย์ทันท่วงที ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่อาจช่วยชีวิตเราและคนที่เรารักได้

ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุงลายเพิ่มจำนวนขึ้น การจากไปของดาราลิเกชื่อดังคนนี้จึงเป็นบทเรียนที่มีค่าให้เราทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายของโรคเก่าแก่ที่ยังคงเป็นภัยใหม่ในทุกวันนี้

ไข้เลือดออกจึงไม่ใช่เพียงแค่โรคประจำถิ่นธรรมดา แต่เป็น "โรคเดิม อันตรายใหม่" ที่ต้องการความเอาใจใส่และการป้องกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีใครต้องสูญเสียชีวิตไปกับยุงเล็กๆ ที่มีพิษร้ายแรงอีกต่อไป

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : Freepik

บรรณาธิการออนไลน์