ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด 9 ส.ค. เหยียบกับระเบิดเจ็บ 3 เจรจาหยุดยิงเดินหน้า

ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด 9 ส.ค. เหยียบกับระเบิดเจ็บ 3 เจรจาหยุดยิงเดินหน้า

TNN รายงานพิเศษ – ภาพรวมความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในปี 2568 เดินมาถึงจุดชี้ขาดสำคัญหลังการสู้รบปลายเดือนกรกฎาคม และการเจรจาเร่งด่วนที่กัวลาลัมเปอร์สัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน “วันนี้” 9 สิงหาคม 2568 ยังมีเหตุ ทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่รอยต่อศรีสะเกษ–พระวิหาร หนึ่งนายถูกตัดเท้า ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง อาการปลอดภัยตามลำดับ รายงานโดยกองทัพและสำนักข่าวต่างประเทศตรงกันว่าเกิดในช่วงเช้า และเกิดขึ้นหลังตกลงรายละเอียดหยุดยิงไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนความเปราะบางของพื้นที่ปฏิบัติการจริงแม้การเมืองจะลดแรงปะทะลงแล้ว       

ไทม์ไลน์เหตุการณ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน

1) รากของปมพิพาท ก่อน-ต้นปี 2568

ปัญหาเส้นเขตแดนคงค้างยาวนานหลายจุด เช่น สามเหลี่ยมมรกต ช่องบก ตาเมือนธม และแนวเขาพระวิหาร พื้นที่บางช่วงยังไม่ปักปันชัดเจน ช่วงต้นปีมีรายงานกิจกรรมก่อสร้าง-ขุดลอกใกล้เส้นเขตซึ่งทำให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น ตามสรุปหน่วยงานรัฐและบทความอธิบายที่ออกโดยฝ่ายไทยและนักวิชาการสื่อสารสาธารณะ   

2) จุดปะทะเปิดฉาก 28 พฤษภาคม 2568

เริ่มมีการเผชิญหน้าที่ “ช่องบก–อุบลราชธานี” ก่อนบานปลายเป็นการยิงตอบโต้หลายจุดและมีผู้เสียชีวิต จากนั้นทั้งสองฝ่ายประสานหยุดยิงชั่วคราว แต่ไม่ยืดเยื้อเพราะปัจจัยพื้นที่–ยุทโธปกรณ์และความไม่ไว้วางใจ   

3) เดือนมิถุนายน-กลางกรกฎาคม กำลังพลหนาแน่น เจรจาไร้ผลชัด

มีการเพิ่มกำลังและยุทโธปกรณ์หลายแนว รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับ ฝ่ายพลเรือนและนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ การเจรจาระดับทหารเดินหน้าเป็นระยะแต่ยังติดข้อจำกัดเรื่องกลไกตรวจสอบร่วมและการถอยกำลัง   

4) ยกระดับสู้รบ 23-25 กรกฎาคม 2568

คืน 23 ก.ค. ความตึงเครียดพุ่งขึ้น หลายแนวมีการรุกล้ำและตอบโต้ เช้าวันที่ 24 ก.ค. รายงานการยิงอาวุธหนักและปืนใหญ่ รวมทั้งปฏิบัติการจากอากาศ มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตเพิ่ม และเกิดการอพยพประชาชนเป็นวงกว้าง ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวม “หลายสิบราย” และผู้พลัดถิ่นนับแสนถูกใช้อ้างอิงต่อเนื่องในรายงานสื่อกระแสหลักนานาชาติ     

สรุปข่าว

ปลายก.ค. เกิดสู้รบหนักหลายวัน ก่อนตกลงหยุดยิงและ 13 ข้อปฏิบัติในเวที GBC 7 ส.ค. ตั้งผู้สังเกตการณ์อาเซียนคุมพื้นที่ ทว่า 9 ส.ค. ยังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดเจ็บ 3 ยืนยันว่าพื้นที่ยังเปราะบาง แนวโน้มระยะสั้นยังเสี่ยงเหตุประปราย ต้องเร่งกลไกตรวจสอบและเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้ได้ผล

TNN รายงานพิเศษ – ภาพรวมความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในปี 2568 เดินมาถึงจุดชี้ขาดสำคัญหลังการสู้รบปลายเดือนกรกฎาคม และการเจรจาเร่งด่วนที่กัวลาลัมเปอร์สัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน “วันนี้” 9 สิงหาคม 2568 ยังมีเหตุ ทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่รอยต่อศรีสะเกษ–พระวิหาร หนึ่งนายถูกตัดเท้า ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง อาการปลอดภัยตามลำดับ รายงานโดยกองทัพและสำนักข่าวต่างประเทศตรงกันว่าเกิดในช่วงเช้า และเกิดขึ้นหลังตกลงรายละเอียดหยุดยิงไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนความเปราะบางของพื้นที่ปฏิบัติการจริงแม้การเมืองจะลดแรงปะทะลงแล้ว       

ไทม์ไลน์เหตุการณ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน

1) รากของปมพิพาท ก่อน-ต้นปี 2568

ปัญหาเส้นเขตแดนคงค้างยาวนานหลายจุด เช่น สามเหลี่ยมมรกต ช่องบก ตาเมือนธม และแนวเขาพระวิหาร พื้นที่บางช่วงยังไม่ปักปันชัดเจน ช่วงต้นปีมีรายงานกิจกรรมก่อสร้าง-ขุดลอกใกล้เส้นเขตซึ่งทำให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น ตามสรุปหน่วยงานรัฐและบทความอธิบายที่ออกโดยฝ่ายไทยและนักวิชาการสื่อสารสาธารณะ   

2) จุดปะทะเปิดฉาก 28 พฤษภาคม 2568

เริ่มมีการเผชิญหน้าที่ “ช่องบก–อุบลราชธานี” ก่อนบานปลายเป็นการยิงตอบโต้หลายจุดและมีผู้เสียชีวิต จากนั้นทั้งสองฝ่ายประสานหยุดยิงชั่วคราว แต่ไม่ยืดเยื้อเพราะปัจจัยพื้นที่–ยุทโธปกรณ์และความไม่ไว้วางใจ   

3) เดือนมิถุนายน-กลางกรกฎาคม กำลังพลหนาแน่น เจรจาไร้ผลชัด

มีการเพิ่มกำลังและยุทโธปกรณ์หลายแนว รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับ ฝ่ายพลเรือนและนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ การเจรจาระดับทหารเดินหน้าเป็นระยะแต่ยังติดข้อจำกัดเรื่องกลไกตรวจสอบร่วมและการถอยกำลัง   

4) ยกระดับสู้รบ 23-25 กรกฎาคม 2568

คืน 23 ก.ค. ความตึงเครียดพุ่งขึ้น หลายแนวมีการรุกล้ำและตอบโต้ เช้าวันที่ 24 ก.ค. รายงานการยิงอาวุธหนักและปืนใหญ่ รวมทั้งปฏิบัติการจากอากาศ มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตเพิ่ม และเกิดการอพยพประชาชนเป็นวงกว้าง ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวม “หลายสิบราย” และผู้พลัดถิ่นนับแสนถูกใช้อ้างอิงต่อเนื่องในรายงานสื่อกระแสหลักนานาชาติ     

5) คลี่คลายบนโต๊ะเจรจา ปลายก.ค.-ต้นส.ค.

หลังการสู้รบ 5 วัน ทั้งสองฝ่ายยอมรับหลักการหยุดยิงปลายเดือนกรกฎาคม และนัดประชุม GBC พิเศษที่กัวลาลัมเปอร์ 4–7 ส.ค. โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนอำนวยความสะดวก กระทรวงการต่างประเทศไทยแถลง “ถ้อยแถลงร่วม” ยืนยันกรอบปฏิบัติ และ ข้อตกลงรายละเอียด 13 ข้อ เช่น งดใช้อาวุธทุกชนิด คงที่มั่น ยุติการรุกล้ำ ตั้งช่องทางสื่อสารด่วน และ ตั้งผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว จากอาเซียนนำโดยมาเลเซีย ทั้งสองฝ่ายจะตั้งทีมประจำฝั่งตนเอง ไม่ข้ามแดน แต่ประสานข้อมูลกันอย่างเป็นระบบ       

6) ภาพรวมวันนี้ 9 สิงหาคม 2568 หยุดยิง “ทำงาน” แต่พื้นที่ยังเสี่ยง

  • เหตุทุ่นระเบิดศรีสะเกษเจ็บ 3 นาย สะท้อนความเสี่ยงจากยุทธภัณฑ์คงค้างและพื้นที่ทับซ้อน แม้มี ceasefire แล้วก็ตาม   
  • อาเซียน–มาเลเซียจะคุมกลไกผู้สังเกตการณ์ และประเทศในภูมิภาคให้แรงหนุนทางการทูตเพื่อให้ข้อตกลงเดินหน้า ขณะสิงคโปร์และสื่อสากลระบุว่าเป็น “ก้าวบวก” แต่ยังเปราะบาง   
  • สังคมกัมพูชามีกิจกรรมทางศาสนาวิงวอนสันติภาพ ไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สะท้อนแรงกดดันภายในให้รัฐบาลคงเสถียรภาพแนวชายแดนต่อไป   

วิเคราะห์แนวโน้มต่อไป

ระยะสั้น 1–2 สัปดาห์

  • คาดเห็นการลงพื้นที่ของ “ทีมผู้สังเกตการณ์” และช่องทางสื่อสารทหาร–ทหารเริ่มทำงาน ลดความเสี่ยง “เข้าใจผิด–ยิงสวน” แต่ เหตุจุดเล็กจุดน้อย โดยเฉพาะทุ่นระเบิด–UAV สำรวจ อาจยังเกิดเป็นพัก ๆ จนกว่าพื้นที่เสี่ยงจะถูกปิดล้อม–เคลียร์ครบถ้วน   

ระยะกลาง 1–3 เดือน

  • หาก 13 ข้อถูกปฏิบัติจริง จะเริ่มเห็น “เส้นเย็น” และการทยอยเปิดชุมชน–ด่านบางส่วน การค้า–การเดินทางค่อย ๆ กลับมา แต่ปัญหา “เชลย/ผู้ถูกควบคุมตัว” และข้อกล่าวหาละเมิดกติกาอาจเป็นชนวนให้การเจรจาสะดุด จึงต้องจับตาแผน “ปล่อย–รับกลับ” และการตรวจเยี่ยมโดย ICRC/อาเซียนอย่างต่อเนื่อง   

ระยะยาว

  • ความยั่งยืนขึ้นกับสองเงื่อนไข 1) การทำให้ GBC กลายเป็น “กลไกถาวร” พร้อม SOP จัดการเหตุฉุกเฉินภายในชั่วโมง 2) แผนเก็บกู้–ทำแผนที่ UXO/ทุ่นระเบิดครอบคลุมแนวรอยต่อ ซึ่งเป็นสาเหตุการสูญเสียซ้ำ ๆ ในช่วงหลายปี ถ้าเดินได้ จะลดความเสี่ยงปะทุซ้ำ แม้ข้อพิพาทประวัติศาสตร์ยังไม่ยุติทางกฎหมาย     

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้า

  1. เหตุยิง/ระเบิดเฉพาะจุดที่ลุกลามเร็ว 
  2. ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารกล่าวหากันเรื่องละเมิดหยุดยิง 
  3. ประเด็นนักโทษ/ผู้สูญหาย 
  4. แรงกดดันภายในของทั้งสองประเทศเรื่องผู้สูญเสียและการเยียวยา ซึ่งอาจกดดันให้ท่าทีการเมืองแข็งกร้าวขึ้นเป็นพัก ๆ   

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : กองทัพภาคที่ 2

บรรณาธิการออนไลน์