
สรุปข่าว
Market Round up ปัจจัยติดตาม
ปัจจัยติดตาม
1.จับตารัสเซียพร้อมบุกยูเครน หลายประเทศสั่งอพยพพลเมือง
ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เพราะน่าจะเป็นความเสี่ยงที่จะมีผลต่อการลงทุนอย่างมาก เชื่อว่าคงต้องโฟกัสไปที่ 2 หลักๆ นั่นก็คือสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นบนชายแดนรัสเซียกับยูเครน และแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังเงินเฟ้อพุ่งสุดในรอบ 40 ปี แน่นอนว่าเราจะเกาะติดทั้ง 2 ปัจจัยมา Update ให้คุณผู้ชมได้ทราบถึงพัฒนาการเรื่อยๆ ซึ่งในวันนี้เอง สถานการณ์บนชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุด ความเสี่ยงที่รัสเซียจะรุกคืบเข้ายูเครนนั้นเป็นไปได้ตลอดเวลา และล่าสุดหลายประเทศก็ไดสั่งอพยพพลเมืองของตนเอง ออกจากยูเครนแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "เจค ซัลลิแวน" ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้รัสเซียอาจจะเริ่มบุกยูเครนวันใดวันหนึ่งในช่วงนี้ แม้กระทั่งก่อนที่กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีนเป็นเจ้าภาพจะปิดฉากลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินสั่งการ
นายซัลลิแวนกล่าวว่า "เขาจะไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดด้านข้อมูลข่าวกรองดังกล่าว แต่เขาต้องการแจ้งให้ชัดเจนว่า รัสเซียอาจเริ่มบุกยูเครนในระหว่างที่จีนยังคงจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวอยู่ในขณะนี้ แม้มีการคาดการณ์กันอย่างมากว่า การบุกดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากปิดฉากกีฬาโอลิมปิกแล้วเท่านั้นก็ตาม
ทั้งนี้ ความเห็นดังกล่าวของนายซัลลิแวนเป็นการเตือนล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน ขณะที่เชื่อว่ารัสเซียได้สั่งสมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายใกล้พรมแดนที่ติดกับยูเครน และยังเกิดขึ้นพร้อมกับคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่เตือนให้พลเมืองอเมริกัน เดินทางออกจากยูเครนทันที เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ที่ประกาศให้พลเมืองของตนรในยูเครน เดินทางออกนอกประเทศโดยเร็วที่สุดเนื่องจากแนวโน้มของสถานการณ์ที่เป็นอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
2.แห่ปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดปีนี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งแรง
ในขณะที่แรงกดดันด้านการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แม้ตลาดจะรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ก็ทำให้บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ต่างพากันปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใหม่ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดมากยิ่งขึ้น
ท่าทีล่าสุดจาก "โกลด์แมน แซคส์" ได้ปรับเพิ่มคาดการณณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ซึ่งมุมมองดังกล่าว เปลี่ยนไปจากคาดการณ์เดิม ที่"โกลด์แมน แซคส์" คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 5 ครั้งเท่านั้น ก่อนหน้านี้เอง "แบงก์ ออฟ อเมริกา" นับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ ซึ่งหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ "โกลด์แมน แซคส์" และ"แบงก์ ออฟ อเมริกา" คาดการณ์ไว้ ก็หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งดังกล่าว ก็จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะร้อยละ 1.75-2.00 ในปลายปีนี้
มีการคาดการณ์เพิ่มเติมจากทางด้านดอยซ์แบงก์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในเดือนหน้า หลังจากนั้น จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 5 ครั้งในอัตราร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ขณะที่ "เอชเอสบีซี" ก็คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในเดือนหน้าเช่นกัน แต่หลังจากนั้น จะปรับขึ้นอีก 4 ครั้งในอัตราร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะร้อยละ 1.50-1.75 ในปลายปีนี้
3.แบงก์ชาติเล็งปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ ในการประชุม กนง.ครั้งหน้า
ดูเหมือนธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ จะส่งสัญญาณมาแล้วว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี อาจจะทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบหน้า ต้องการทบทวนเพื่อปรับกรอบเงินเฟ้อในประเทศอีกครั้ง
คุณสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า กรอบเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.7 ในปัจจุบัน อาจจะมีการทบทวนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ หลังจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาเนื้อสัตว์ กดดันในเงินเฟ้อในประเทศเร่งตัว แบงก์ชาติระบุด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมายในช่วงแรกของปีนี้ แต่ก็มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงหลังของปี โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือนมกราคม ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 3.23 ซึ่งถูกกดดันจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ โดยราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 เทียบกับปีที่แล้ว เช่นเดียวกับอาหารสด เช่น เนื้อหมูที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้่นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ราคาสินค้าปรับขึ้นเฉพาะบางหมวดเท่านั้น ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ สินค้าพร้อมกันเป็นวงกว้าง โดยแบงก์ชาติย้ำว่ามีสินค้าจำนวนมากเกือบ 200 รายการในตะกร้าเงินเฟ้อที่ราคายังคงงที่หรือลดลง
พร้อมกับย้ำด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1-3 โดยที่แบงก์ชาติ จะติดตามภาวะและแนวโน้มเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
#รัสเซีย #ยูเครน #เงินเฟ้อ #TNNWealth #TNNช่อง16
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://lin.ee/TQ14oAe
• Facebook : https://www.facebook.com/TNNWealth
—————————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง
https://www.facebook.com/TNN16LIVE/
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand