จับตารัสเซียพร้อมบุกยูเครน หลายประเทศสั่งอพยพพลเมือง I TNN Wealth 14-02-65

จับตารัสเซียพร้อมบุกยูเครน หลายประเทศสั่งอพยพพลเมือง I TNN Wealth 14-02-65

สรุปข่าว

Market Round up  ปัจจัยติดตาม

ปัจจัยติดตาม

1.จับตารัสเซียพร้อมบุกยูเครน หลายประเทศสั่งอพยพพลเมือง

ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เพราะน่าจะเป็นความเสี่ยงที่จะมีผลต่อการลงทุนอย่างมาก เชื่อว่าคงต้องโฟกัสไปที่  2 หลักๆ นั่นก็คือสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นบนชายแดนรัสเซียกับยูเครน และแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังเงินเฟ้อพุ่งสุดในรอบ 40 ปี  แน่นอนว่าเราจะเกาะติดทั้ง 2 ปัจจัยมา Update ให้คุณผู้ชมได้ทราบถึงพัฒนาการเรื่อยๆ ซึ่งในวันนี้เอง สถานการณ์บนชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุด ความเสี่ยงที่รัสเซียจะรุกคืบเข้ายูเครนนั้นเป็นไปได้ตลอดเวลา และล่าสุดหลายประเทศก็ไดสั่งอพยพพลเมืองของตนเอง ออกจากยูเครนแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "เจค ซัลลิแวน" ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้รัสเซียอาจจะเริ่มบุกยูเครนวันใดวันหนึ่งในช่วงนี้ แม้กระทั่งก่อนที่กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จีนเป็นเจ้าภาพจะปิดฉากลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินสั่งการ

นายซัลลิแวนกล่าวว่า "เขาจะไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดด้านข้อมูลข่าวกรองดังกล่าว แต่เขาต้องการแจ้งให้ชัดเจนว่า รัสเซียอาจเริ่มบุกยูเครนในระหว่างที่จีนยังคงจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวอยู่ในขณะนี้ แม้มีการคาดการณ์กันอย่างมากว่า การบุกดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากปิดฉากกีฬาโอลิมปิกแล้วเท่านั้นก็ตาม

 

ทั้งนี้ ความเห็นดังกล่าวของนายซัลลิแวนเป็นการเตือนล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน ขณะที่เชื่อว่ารัสเซียได้สั่งสมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายใกล้พรมแดนที่ติดกับยูเครน และยังเกิดขึ้นพร้อมกับคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่เตือนให้พลเมืองอเมริกัน เดินทางออกจากยูเครนทันที เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ที่ประกาศให้พลเมืองของตนรในยูเครน เดินทางออกนอกประเทศโดยเร็วที่สุดเนื่องจากแนวโน้มของสถานการณ์ที่เป็นอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

2.แห่ปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดปีนี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งแรง

ในขณะที่แรงกดดันด้านการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แม้ตลาดจะรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ก็ทำให้บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ต่างพากันปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใหม่ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดมากยิ่งขึ้น

ท่าทีล่าสุดจาก "โกลด์แมน แซคส์" ได้ปรับเพิ่มคาดการณณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ซึ่งมุมมองดังกล่าว เปลี่ยนไปจากคาดการณ์เดิม ที่"โกลด์แมน แซคส์" คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 5 ครั้งเท่านั้น ก่อนหน้านี้เอง "แบงก์ ออฟ อเมริกา" นับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ ซึ่งหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ "โกลด์แมน แซคส์" และ"แบงก์ ออฟ อเมริกา" คาดการณ์ไว้ ก็หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป   และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งดังกล่าว ก็จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะร้อยละ 1.75-2.00 ในปลายปีนี้ 

มีการคาดการณ์เพิ่มเติมจากทางด้านดอยซ์แบงก์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในเดือนหน้า หลังจากนั้น จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 5 ครั้งในอัตราร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ขณะที่ "เอชเอสบีซี" ก็คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในเดือนหน้าเช่นกัน แต่หลังจากนั้น จะปรับขึ้นอีก 4 ครั้งในอัตราร้อยละ 0.25 ต่อครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะร้อยละ 1.50-1.75 ในปลายปีนี้

 

3.แบงก์ชาติเล็งปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ ในการประชุม กนง.ครั้งหน้า

ดูเหมือนธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ จะส่งสัญญาณมาแล้วว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี อาจจะทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบหน้า ต้องการทบทวนเพื่อปรับกรอบเงินเฟ้อในประเทศอีกครั้ง

คุณสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า กรอบเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.7 ในปัจจุบัน อาจจะมีการทบทวนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ หลังจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาเนื้อสัตว์ กดดันในเงินเฟ้อในประเทศเร่งตัว  แบงก์ชาติระบุด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมายในช่วงแรกของปีนี้ แต่ก็มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงหลังของปี โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือนมกราคม ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 3.23 ซึ่งถูกกดดันจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ โดยราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 เทียบกับปีที่แล้ว เช่นเดียวกับอาหารสด เช่น เนื้อหมูที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้่นเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ราคาสินค้าปรับขึ้นเฉพาะบางหมวดเท่านั้น ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ สินค้าพร้อมกันเป็นวงกว้าง โดยแบงก์ชาติย้ำว่ามีสินค้าจำนวนมากเกือบ 200 รายการในตะกร้าเงินเฟ้อที่ราคายังคงงที่หรือลดลง   

พร้อมกับย้ำด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1-3 โดยที่แบงก์ชาติ จะติดตามภาวะและแนวโน้มเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

#รัสเซีย #ยูเครน #เงินเฟ้อ  #TNNWealth #TNNช่อง16

 

ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://lin.ee/TQ14oAe

• Facebook : https://www.facebook.com/TNNWealth

 

—————————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง

https://www.facebook.com/TNN16LIVE/


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand