เปิด 3 ปัจจัยหนุน "ราคาทองคำ" ปีหน้าลุ้นแตะ 50,000 บาท

เปิด 3 ปัจจัยหนุน "ราคาทองคำ" ปีหน้าลุ้นแตะ 50,000 บาท

สรุปข่าว

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เผยว่า ราคาทองคำล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบพยายามทรงตัว หลังจากย่อตัวมาเกือบ 2 สัปดาห์ ราว 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นับจากรับรู้ผลการเลือกตังประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้เป็นการขายทำกำไรหลังจากช่วงก่อนหน้าที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ต่อเนื่องขึ้นไปแตะ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าปรับตัวขึ้นไปมากกว่าที่ตลาดคาด จึงทำให้มีแรงเทขายออกมารอบใหญ่ 


ส่วนของภาพระยะยาวนั้น ยังมองเป็นขาขึ้น เพราะนอกจากความผันผวนในโลกของการลงทุนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถชนะการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังมีปัจจัยสนับสนุนอยู่อีกหลายด้าน ได้แก่


1.การเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเดินหน้าสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยผลสำรวจของ World Gold Council ในปี 67 บ่งชี้ว่า “Central Bank ทั่วโลกราวร้อยละ 69 จะสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะทุนสำรองฯ ต่อไปอีกอย่างน้อยในช่วง 5 ปี ต่อจากนี้” ล่าสุด ธนาคารกลางได้เข้าซื้อทองคำสูงถึง 669.5 ตัน ณ เดือนก.ย.ปีนี้


2. เหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่มีนโยบายสนับสนุนการทำสงครามระหว่างประเทศ แต่การจะยุติความขัดแย้งในหลายๆ พื้นที่ก็ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ประกอบกับ ปัจจุบันประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐโจมตีรัสเซียได้  ขณะที่ทางฝั่งรัสเซียได้ตอบโต้ โดยการลงนามกฤษฎีกาหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ จากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งสาระสำคัญ คือ หากชาติครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นั้นรุกรานรัสเซีย รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปราม นอกจากนี้ นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงให้เกิดสงครามการค้าขึ้นได้ โดยเฉพาะกับจีน


3. ความเปราะบางทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ ในยุคสมัยของทรัมป์ที่มีแนวโน้มกระตุ้นเงินเฟ้อให้กลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเกิดความกังวลถึงการที่เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยได้มากเท่าแผนการเดิม เศรษฐกิจจึงอาจถดถอย ทองคำจึงยังมีความสำคัญในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะยาว


สำหรับปี 2568 YLG คงเป้าหมายทองคำที่ 2,850-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ 46,800 - 49,250 บาทต่อบาททองคำ และอาจจะไปได้ถึง 50,000 บาทต่อบาททองคำ หากค่าเงินบาทใกล้โซน 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์  รวมทั้งหากเฟดยังเดินหน้านโยบายดอกเบี้ยขาลงอีก 2 ปี ทองคำก็ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ  


สอดคล้องกับมุมมอง นักวิเคราะห์ของ UBS ที่มองว่า มีแนวโน้มว่าจะมีช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และมีความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพิ่มเติมที่จะส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น โดยทองโลกจะพุ่งไปที่ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปีหน้า และจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 2,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2569 

 

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ