การเจรจาครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน นำไปสู่การลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งแรงในรอบเดือน ขณะที่ค่าเงินอื่นทั่วโลกผันผวนในทิศทางที่แตกต่างกัน
สรุปข่าว
การเจรจาครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน นำไปสู่การลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งแรงในรอบเดือน ขณะที่ค่าเงินอื่นทั่วโลกผันผวนในทิศทางที่แตกต่างกัน
ในข้อตกลงการค้าแบบฉับพลันที่สะเทือนตลาดการเงินทั่วโลก สหรัฐอเมริกาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 145% เหลือเพียง 30% ขณะที่จีนลดภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือเพียง 10% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันที ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ขยับขึ้น 1.3% มาอยู่ที่ 101.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเดือน แม้จะยังต่ำกว่าก่อนยุคทรัมป์เริ่มมาตรการตอบโต้ทางภาษีก็ตาม
นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่านี่คือ “ข่าวดีที่ดอลลาร์ต้องการ” เพราะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณคลี่คลายของความขัดแย้งทางการค้า และการเจรจาในเจนีวาอาจเป็นประตูสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ด้านสกุลเงินยูโร อ่อนค่าลง 1.2% ท่ามกลางท่าทีของธนาคารกลางยุโรปที่ยังเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่ง ING ชี้ว่ายูโรยังมีมูลค่าสูงเกินจริงจากโมเดลเชิงเศรษฐกิจ
สำหรับเยนญี่ปุ่น แม้เป็นสกุลเงินปลอดภัย แต่กลับอ่อนค่าลง 1.8% สู่ระดับ 147.92 ต่อดอลลาร์ สะท้อนถึงแรงย้ายเงินลงทุนกลับไปสู่ดอลลาร์ ในช่วงที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มลดลง
ในฝั่งเอเชีย ค่าเงินหยวนกลับแข็งค่าขึ้น 0.6% อยู่ที่ระดับ 7.19 ต่อดอลลาร์ ถือเป็นการฟื้นตัวตามปัจจัยบวกจากข้อตกลงภาษี แม้เศรษฐกิจจีนยังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อติดลบและราคาสินค้าหน้าโรงงานร่วงหนักที่สุดในรอบ 6 เดือน รัฐบาลจีนจึงถูกคาดการณ์ว่าอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเร็วๆ นี้
- ทรัมป์ลุยเพิ่มภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50% หวังดันอุตสาหกรรมในประเทศ
- "ทรัมป์" ชื่นชม "อีลอน มัสก์" ย้ำมัสก์ไม่ได้ลาขาดจาก DOGE จะกลับมาเป็นพัก ๆ
- ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
- วิกฤตหนี้สหรัฐฯ "36 ล้านล้านเหรียญ" ที่ "ทรัมป์" ต้องแบกหลังแอ่น
- จีนเลิก "แบน" อาหารทะเลญี่ปุ่น จ่อนำเข้าอีกครั้ง
- "คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ
