

สรุปข่าว
วันนี้ ( 23 ก.พ.63) นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัทฯ ได้ย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา จากเดิมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยบริษัท ได้วางแผนที่จะต่อยอดการลงทุนต่อเนื่อง ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจ 4 ปี ( 63-66) โดยเฉพาะการต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานสะอาด และธุรกิจเทรดดิ้ง โดยเฉพาะ โครงการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน ที่รัฐบาลเตรียมจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าเร็วๆนี้ จำนวน 700 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเกิดเงินหมุนเวียนในชุมชนในพื้นที่กว่า 200 ล้านบาทต่อปี ต่อเนื่อง 20 ปี
โดยล่าสุด บริษัทได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปศึกษาในหลายๆพื้นที่ที่มีศักยภาพเรื่องพืชพลังงาน หากกระทรวงพลังงาน เปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอประมูลแข่งขันโครงการ ภายในเดือนก.พ.นี้ บริษัทเองก็มีความพร้อมที่จะร่วมประมูลด้วย โดยตั้งเป้าหมายยื่นประมูลในจำนวน 20 เมกะวัตต์ เฉลี่ยโครงการละ 3 เมกะวัตต์ ภายใต้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท
"เรามีศักยภาพลงทุนที่ 20 เมกะวัตต์ โครงการละ 3 เมกะวัตต์ เรามีศักยภาพแค่นี้ ถ้ามากว่านี้คงต้องหาพาร์ทเนอร์ " นายชัชพล กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าโครงการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดขึ้น มั่นใจว่าจะส่งผลดีต่อชุมชนให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนฐานราก เพราะตามโครงการจะต้องมีความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาคเอกชน ประชาชน ผ่านการตั้งวิสาหกิจชุมชนของพื้นที่ และภาครัฐ ซึ่งประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรไร่ข้าวโพดในพื้นที่ จะสามารถนำต้นข้าวโพดมาขายให้กับเอกชน เพื่อนำมาทำเป็นเชื้อเพลิง สามารถช่วยลดการเผาไร่ข้าวโพดหรือเศษพืชไร่ลง ช่วยลดการเกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และสร้างรายได้ให้ประชาชนได้อีกทาง รวมทั้ง เมื่อมีการเพิ่มสายส่งตามพื้นที่ชุมชน กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ จะช่วยลดปัญหาไฟฟ้าตกในพื้นที่ห่างไกลที่เป็นพื้นที่ปลายสายส่ง
สำหรับ แผนการดำเนินธุรกิจ 4 ปี (2563 – 2566) ยูเอซี ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 แตะระดับ 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีการตั้งเป้าในการแบ่งสัดส่วนรายได้ 4 ปีข้างหน้า คือ 40 : 60 แบ่งเป็นธุรกิจเทรดดิ้ง 40 % ธุรกิจเคมีภัณฑ์และธุรกิจด้านพลังงานทดแทน 60%
ส่วนกรณีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า มองว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนไม่ได้พึ่งพางบประมาณภาครัฐอยู่แล้ว จึงไม่มีผลต่อการตัดสินใจของภาคเอกชนไทยที่สนใจจะลงทุน แต่ภาครัฐก็ควรมีการวางนโยบายและ กระบวนการคัดเลือกเอกชนที่ชัดเจน ส่วนผลกระทบที่ชัดเจนคือเรื่องของเศรษฐกิจในภาพรวม หรือความมั่นใจของนักลงทุนใน อีอีซี มากกว่า
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -